วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นินจามหาเวทย์ ตอนที่2

แสงอรุณเบิกฟ้าในวันใหม่ ส่องรอดเข้ามายังหน้าต่างห้องนอน แสงตะวันต้องตัวเด็กชายจนทำให้เขาค่อยเบิกตาดูเช้าวันใหม่อีกครั้ง แต่ดูเหมือนความเศร้านั้นไม่ได้ไปจากเขาไปไหนเลย โทโมอากิมองไปรอบๆห้อง เขานอนที่เขานอนอยู่ เขาได้แต่คิดว่าเขาอยู่ไหนกันนี่แต่ที่เขารู้ก็คือ เขาไม่ได้นอนที่ห้องนอนตัวเองแน่ๆ

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะมาคนเปิดเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน ชุน นั่นเอง งั้นก็แสดงว่าเราอยู่ที่บ้านท่านยายฟูโกะโทโมอากิพลางนอนคิด พร้อมกับปิดเปลือกตาลงเช่นเดิม สักครู่ชุนก็เดินมาปลุกโทโมอากิยังเตียง

"ท่านโทโมอากิครับ ได้เวลาตื่นแล้วครับ" เขาปลุกโทโมอากิด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม และเขย่าตัวเบาๆให้โทโมอากิรู้สึกตัว

โทโมอากิก็ค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง
"เราตื่นนานแล้ว" โทโมอากิผลิปากบอก ก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆปนความเศร้าให้ชุน

"ท่านโทโมอากิ อย่าได้เศร้าไปเลยนะครับ ทางตระกูลหลักในตอนนี้ก็เหลือคนน้อยลงไปอีก เกิดท่านมาป่วยไม่สบายไปอีกจะทำให้ ตระกูลสาขาอย่างพวกผม ทุกข์ร้อนใจไปด้วยนะครับ" ชุนพูดด้วยความเป็นห่วงโทโมอากิ

"เข้าใจแล้วขอโทษที่ทำให้นายเป็นห่วง" โทโมอากิฝืนยิ้มออกไปอีกครั้งให้ชุนสบายใจ

"ท่านยายฟูโกะ สั่งให้ผมมาดูแลท่านอย่างใกล้ชิดครับ มีอะไรเรียกใช้ผมได้ตลอดเวลานะครับ" ชุนก้มหัวแสดงความเคารพให้โทโมอากิ

"นายไม่ต้องอยู่กับเราหรอก เราไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เราแค่ขออยู่คนเดียวอย่างเงียบๆสักพัก" โทโมอากิพูดบอกชุนพร้อมกลับกล่าวเสริมมาว่า "เมื่อเราพร้อมแล้วเราจะลงไปเองฝากบอกท่านยายให้ด้วย"

"ได้ครับ" ชุนตบปากรับคำก่อนที่จะก้มหน้า พร้อมเดินออกไปจากห้อง แล้วค่อยๆปิดประตูห้องตามคำสั่งโทโมอากิ ด้วยความเป็นห่วงนิดๆ

โทโมอากิก็ได้แต่เศร้าที่เสียตาไป แต่เขาก็กลับมาคิดในสิ่งที่ตาเขาพร่ำสอนเกี่ยวกับเรื่อง การรักในหมุ่บ้านและการทำเพื่อหมู่บ้าน และคำสั่งเสียอีกอย่างก็คือ การมุ่งไปสู่เส้นทางเงาแห่งพายุ รุ่นต่อไป เมื่อหวนคิดถึงวันคืนที่ดีกับท่านตาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะ หลั่งน้ำตาอีกครั้ง และนั่งงอตัวก้มหน้าลงไปหาเข่าที่ชันขึ้นรับใบหน้า เขาแอบร้องอย่างเงียบๆ ณ มุมห้อง จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวัน

สภาพทั้งหมู่บ้านวายุตอนนี้เป็นไปด้วยความเศร้าที่สุดแสนจะบรรยาย ทั้งสถานที่สำคัญๆต่างๆก็ปิดทำการ ตลอกจนการปฎิบัติภารกิจต่างๆของนินจาภายในหมู่บ้านก็งดเช่นกัน แต่สิ่งนึงที่จะเลี่ยงไม่ได้คือการประชุมของนินจาในหมู่บ้านเพื่อเลือก เงาแห่งพายุรุ่นที่5 ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของแคว้นและขวัญกำลังใจของนินจาในหมู่บ้าน



ณ ประสาท เทพวายุ

ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ผู้นำแคว้นภูผาอาศัยอยู่ ได้เปิดให้มีการประชุมหมู่บ้านเพื่อที่จะเลือก เงาแห่งพายุคนใหม่ มาปฎิบัติหน้าที่แทนรุ่นที่4 ที่เสียชีวิตไปในสงครามที่แคว้นท้องฟ้า ในการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้เฒ่าอาวุโสทั้ง4คนที่เป็นที่ปรึกษาหมู่บ้าน เจ้าอาวาสและพระอาวุโส2คนจากวัดวายุเทพ นินจาระดับสูงอีก5คนและเจ้าหน้าที่บริหารแคว้น2คน รวมเป็น14คนที่จะเป็นผู้เลือก เงาแห่งวายุคนต่อไปและดำเนินการให้ ผู้นำแคว้นภูผา ประทับตารับรองว่าได้รับการรับเลือกอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง

ผู้ที่เหมาะสมจะเป็นรุ่นที่5 ดูเหมือนจะมีอยู่4คน จากที่ฟังทั้งที่ประชุมเกริ่นๆมา อันได้แก่
อามะโทบิระ ฮิเดะอากิ(ผู้เป็นอาของโทโมอากิ และเป็นหลานชายและลูกศิษย์ท่านรุ่นที่4จากตระกูลหลัก ผู้มีความสามารถในการใช้มิติเวลา ฉายาวายุมิติ)
คนที่สองคือ ฮิกาชิยามะ รัน(ผู้เป็นคุโนะอิจิฝีมือเยี่ยมในการแพทย์ และเป็นลูกศิษย์ท่านรุ่นที่4ด้วยเช่น ฉายาเจ้าหญิงสีโลหิตหรือเจ้าหญิงเลือด)
คนที่สามคือ โทริวะ ทซึบาซะ(นินจาฝีมืเยื่ยมอีกคนในการประสานอินโจมตี ถึงแม้จะไม่ได้เป็นศิษย์รุ่นที่4 แต่ก็ทำงานให้กับหน่วยลับมาเป็นเวลานาน)
คนสุดท้ายคือ โนวากิ ซาคุ(นินจาหนุ่มไฟแรง ที่ผ่านภาระกิจระดับเอส มาแล้วรับครั้งไม่ถ้วนด้วยฉายา จ้าววายุลูกศิษย์ของ ฮิเดะอากิอีกที)

การลงคะแนนเสียงเลือกเงาแห่งวายุนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเลือกต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ต่างกันไปเช่น ฮิเดอากิเองก็อยุูไม่เป็นที่ชอบพเนจรไปทั่ว ส่วนรันนี่ถึงจะเป็นนินแพทย์แต่ก็เลือดร้อนมักขาดความรอบครอบถึงกับมีฉายาว่า"เจ้าหญิงเลือด" ส่วนซาคุเองก็มีอายุน้อยเกินกว่าที่จะมาเป็นผู้นำหมู่บ้านในตอนนี้ แต่ที่หนักที่สุดก็คือทซึบาซะ เพราะมาจากหน่วยลับนั่นเอง ความเครียดเกิดขึ้นที่บอร์ดบริหารทันที แต่ก็สรุปกันไม่ได้ว่าจะเอาใคร จนมาถึงตอนท้ายการประชุม ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นเงาแห่งพายุรุ่นที่5หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าฮิเดอากินั้นจะดูมีภาษีมากกว่าผู้อื่น แต่อันเนื่องจากเขาอยู่ไม่เป็นที่ จึงต้องใช้นินจาจากหน่วยลับช่วยค้นหาตัวเขาอีกที เพราะไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับการเป็นเงาแห่งพายุรุ่นที่5หรือไม่ ตัวฮิเดอากิเองก็รักอิสระใช่น้อย กว่าตัวเขาจะออกจากตระกูลหลักไปท่องเที่ยวได้ก็ยากเย็นมากอยู่พออยู่แล้ว(เนื่องจากกันความลับของโซ่ซวรรค์ไม่ให้คนนอกรู้ ตระกูลหลักจึงไม่สามารถที่จะออกไปเที่ยวตามใจชอบได้) แต่ตอนนี้เขานั้นทำได้แล้วเขาจะกลับมาสู่แคว้นวายุจริงๆหรือ นั่นเป็นคำถามที่ทุกคนในที่ประชุมนี้คิดกัน ในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลงด้วยมติที่ว่า ถ้าฮิเดอากิไม่รับข้อเสนอการเป็นเงาแห่งพายุรุ่นที่5 รันหรือซาคุจะได้รับการพิจารณาแทนโดยปริยาย ส่วนเรื่องการค้นหาตัวฮิเดอากินั้นให้แบ่งกำลังในหมู่บ้านออกค้นหา พร้อมด้วยนินจาลับส่วนนึง โดยเป้าหมายของภาระกิจครั้งนี้คือการนำตัวท่านฮิเดอากิ กลับมาสู่หมู่บ้านให้ได้ ภารกิจในครั้งนี้จะต้องปฎิบัติทันทีหลังจากที่พิธีไว้อาลัย ท่านรุ่นที่4เสร็จสิ้นโดยขณะที่รอเงาแห่งพายุรุ่นที่5มารับตัวแหน่งนั้น ผู้เฒ่าทั้ง4ผู้เป็นที่ปรึกษาหมู่บ้านจะเป็นผู้ดูแลหมู่บ้านรอ


ณ คฤหาสถ์ตระกูลฮิกาชิยามะ

"ชุน" เสียงท่านฟูโกะเรียกหาหลานชาย

"ครับท่านยาย มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือป่าวครับ?" เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงมีน้ำใจ

"โทโมอากิล่ะ? ไปไหนเสีย" หญิงชราถามเด็กชายถึงหลานชายอีกคนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ท่านโทโมอากิ ยังไม่ลงมาจากห้องนั้นเลยครับตั้งแต่เช้า ผมเอาข้าวขึ้นไปให้ก็ไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย เพราะท่านเอาแต่ร้องให้อยู่ที่เดิมตลอดเวลาครับ" ชุนรายงานต่อยายด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงไม่แพ้กัน

"เอาล่ะเจ้าไปพักได้ เดี๋ยวยายจักการต่อเอง" หญิงชราสั่งหลานอีกคน ก่อนจะเดินไปยังห้องเก็บของเพื่อหาอะไรซักอย่าง ในที่สุดนางก็เจอมันคือตำราเก่าๆเล่มนึง จากนั้นนางก็ถือตำราเล่มนั้นขึ้นไปยังห้องที่โทโมอากิพักอยู่ นางเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเห็นหลานตัวเองขดตัวงออยู่มุมห้องร้องให้อยู่ นางจึงค่อยๆเดินไปข้างๆเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะค่อยๆลูบศีรษะและปลอบโยนเด็กหนุ่ม แล้วนางก็เริ่มเล่าถึงเรื่องต่างๆให้โทโมอากิฟังซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านตาผู้ซึ่งเสียชีวิตไปว่าท่านตาเป็นนินจาที่เก่งและมีคุณธรรมเพียงใด ถึงเขาจะเข้าใจแต่มันก็ยากที่รับได้และยากยอมทำใจรับมัน

ท่านยายยังเล่าอีกว่า "ตระกูลอามะโทบิระของเรา เป็นตระกูลนินจาที่ยิ่งใหญ่ในแคว้นแห่งภูผานี้ ในตระกูลมีผู้ขึ้นเป็นเงาแห่งพายุถึง2รุ่น คือรุ่นที่1และรุ่นที่4 นั่นหมายความว่าตระกูลเราจะต้องรับผิดชอบแคว้นภูผาและหมู่บ้านนินจาวายุแห่งนี้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเราก็ตาม" ท่านฟูโกะเล่าพร้อมทั้งหลังน้ำตาพลางเอามือไปลูบหัวหลานชายไป

"ผมรู้ครับว่าตระกูลเราต้องทำเพื่อแคว้น แต่ท่านตาไม่ได้ตายเพื่อแคว้นเราเลยนี่ครับ" เด็กหนุ่มร้องให้เสียงสะอื้นพร้อมกับถามยายตัวเองกลับด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจ

"โทโมอากิ เจ้าน่ะเข้าใจผิดแล้ว สงครามครั้งนี้ ท่านตาของเจ้าเอาศักดิ์ศรีของแคว้นภูเผาเราเดิมพันเชียวนะ ไม่ใช่แค่ตาเจ้าแต่เงาของอีก3หมู่บ้านด้วยเช่นกัน พวกเขาทุกคนล้วนคิดถึงศักดิ์ศรีหมู่บ้านตน พวกเขาจึงไม่ยอมเสียแคว้นท้องฟ้าให้อีกฝ่ายถึงว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม" ท่านฟูโกะอธิบายให้โทโมอากิฟังโดยละเอียด เขาเองเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่ก็อดกลั้นน้ำตาไม่ได้

"ผมสัญญานะครับ ว่าผมจะต้องยิ่งใหญ่ไม่แพ้ท่านตา" เด็กหนุ่มให้คำสัญญาต่อยายทั้งน้ำตาแห่งความเศร้าโศรกที่ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้

"นี่เคยเป็นของแม่เจ้า ข้าว่าจะมอบให้เจ้าเมื่อ เจ้าได้เป็นโจนิน แต่ข้าว่ามันอาจช้าไป นี่อาจช่วยให้เจ้าดีขึ้น" ท่านฟูโกะพูดจบก็ยื่นตำราเก่าๆที่ค้นมาเมื่อสักครู่ให้เด็กหนุ่ม เขายื่นมือออกไปรับขณะที่น้ำตายังคลอเบ้าอยู่

"มันคือตำราอะไรหรือคับท่านยาย" เขาปาดน้ำตาพร้อมทั้งถามหญิงชรากลับไป

"ตำราประสานอินเทพวายุ ของแม่เจ้าไง" ท่านฟูโกะตอบไปอย่างไม่คิดจะปิดบัง

"ตำ...รา...ของท่านแม่งั้นหรือ?" เขาพรึมพรำอยู่คนเดียว พร้อมคิดในใจว่า ถึงท่านตาจะไม่อยุ่แต่ท่านแม่ก็มาอยู่เคียงข้างเขาแทน มันน่าพอทดแทนกันได้

"จงรักษามันไว้เท่าชีวิตนะ เพราะมันจะทำให้ความสามารถด้านวิชานินจาเจ้าพัฒนาไปหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน เมื่อถึงตอนนนั้นเราค่อยไปจัดการกับเจ้าพวกแคว้นหุบเหวก็ยังไม่สาย" หญิงชราพูดด้วยความเจ็บใจ ก่อนทีจะค่อยๆเดินจากโทโมอิกิไปอย่างช้าๆ จนถึงหน้าประตูก่อนนางออกจากห้องนางก็หันมาทางเด็กชายพร้อมบอกว่า
"จงเป็นสายลม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าก็คือสายลม เพราะไม่ว่ายังไงสายลมจะยังพัดตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เมื่อไหร่ หรือแม้แต่ที่ไหน" ก่อนที่จะยิ้มแล้วค่อยๆก้าวเดินออกไปจากห้องของเด็กหนุ่ม

"ใช่ ท่านยายพูดถูกเราเป็นสายลมจะมาอาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างอนาคตนี้ได้ด้วยมือของเรา"
ก่อนที่เขาจะเลิกร้อง แล้วลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัวเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนคนอื่นๆที่เห็นเขาในขณะนี้นั้นตกใจไปตามๆกัน กับความแข็งแกร่งด้านจิตใจของเด็กหนุ่มคนนี้

"เป็นเหมือนเดิมแล้วสินะครับท่านโทโมอากิ" ชุนรีบเข้ามาดูอาการพร้อมถามด้วยความเป็นห่วง

"เราไม่เป็นอะไรแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วงนะ และขอบใจนายมากที่คอยเป็นห่วงเรา" โทโมอากิพูดพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับชุน จนชุนหน้าแดงไปเลยทีเดียว

ในหมู่บ้านลับนินจาวายุตอนนี้ ถึงจะเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า แต่ความแข็งแกร็งของนินจาให้บ้านก็ไม่ได้ลดน้อยลง ถึงจะเสียกองกำลังนินจาไปมากในสงครามที่แคว้นท้องฟ้าที่พึ่งจะผ่านมา แต่กองกำลังรักษาหมู่บ้านก็ยังคงมีอีกมากและนินจาที่ทำภาระกิจอื่นๆ(ที่ไม่ได้ไปรบก็เยอะพอสมควร) ทำให้สภาพในหมู่บ้านวายุไม่ย่ำแย่นักเมื่อเทียบกับหมู่บ้านนินจาแสงแห่งแคว้นท้องฟ้า ซึ่งเสียทั้งนินจาระดับสูงและระดับกลางไปเยอะนอกจากนั้นหมู่บ้านยังโดนทำลายอีกด้วย ทำให้ขวัญเสียมากกว่าแคว้นอื่นๆ ภายในหมู่วายุตอนนี้จะวุ่นวายเรื่องการเตรียมกำลังชุดใหม่และก็งานศพท่านรุ่นที่4ที่จะมาถึงในเร็ววันนี้ด้วย

6วันต่อมา
ณ ที่ทำการหมู่บ้าน หอสายลม(ที่ทำงานเงาแห่งพายุ)

เหล่าบรรดานินจาทั้งหมู่บ้านได้มารวมตัวกันที่ลานหน้าหอสายลม หน้าสัญลักษณ์แห่งสายลมที่ตระง่านอยู่เบื้องหน้า แน่นอนว่าด้านบนหอสายลมที่ดาดฟ้า จะเป็นพิธีวางดอกไม้ส่งท่านรุ่นที่4ก่อนจะนำไปยังวัดเทพสายลมเพื่อปฎิบัติตามพิธีศพในทางศาสนา นินจาทั้งหมู่บ้านต้องไว้อาลัย3นาที(การภาวนาเงียบ) เพื่อลำลึกถึงคุณงามความดีของผู้ที่เสียชีวิตไป ไม่ใช่แค่รุ่นที่4 ตลอดจนนินจาที่เสียชีวิตในภารกิจที่แคว้นท้องฟ้าด้วยทุกคน

เม็ดฝนจากท้องฟ้าก็ตกลงมาพรำๆ ประดุจฟ้าเองก็เศร้าแล้วร้องให้ออกมาเป็นเม็ดฝน ยิ่งทำเอาบรรยาในหมู่บ้านสลดเศร้ามากกว่าเดิม เมื่อ4ผู้เฒ่าวางดอกไม้ส่งท่านรุ่นที่4เสร็จก็ถึงคิวของโทโมอากิ ซึ่งเป็นหลานชายสายตรงที่ท่านรุ่น4รักมากที่สุดมาวางดอกไม้เพื่อส่งท่านรุ่น4 เขาว่าจะไม่ร้องให้ต่อหน้าคนอื่นแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยน้ำตาออกมาท่ามกลางสายฝน เมื่อเขาวางดอกไม้เสร็จก็เดินออกไปอย่างสงบเงียบพร้อมทั้งน้ำตาจนคนอื่นที่เห็นภาพ โทโมอากิพยายามกั้นน้ำตานั้น ต้องร้องให้ตามเขาเลยทีเดียว เมื่องานวางดอกไม้ส่งท่านรุ่นที่4เสร็จ ฝนก็ยยังตกลงมาต่อ ราวกับว่าฟ้าเองก็ร่วมเสียใจด้วย

ศพท่านรุ่น4 ถูกแห่ไปยังวัดเทพสายลมในเวลาต่อมา สองข้างทางที่แห่ศพไปนั้นเต็มไปด้วยประชาชนของหมู่บ้านวายุ บ้างก็มาจากหมู่บ้านอื่นๆในแคว้นภูผาเพื่อร่วมไว้อาลัย โยนดอกไม้ส่งท่านรุ่น4ตลอดทางถึงแม้ว่าฝนจะตกลงมาทั้งวันก็ตาม

ในที่สุดวันแห่งความทุกข์ของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ลดจางลงไปบ้าง

ก่อนที่ภาระกิจการตามหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรุ่นที่5จะเริ่ม

นินจามหาเวทย์

นินจามหาเวทย์นั้นมีความใกล้เคียงเรื่องนารุโตะพอสมควร(เรียกว่า นารุโตะโคลเวอร์ก็ได้ไม่ว่ากัน) แต่จะไม่เหมือนนารุโตะแน่นอน เพราะไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสัตว์หางและร่างผนึกสัตว์หาง แต่จะเน้นไปที่ความรักและเรื่องราวสงครามนินจาเป็นหลัก โดยที่ตัวเอกของเรื่องจะอยู่ที่หมู่บ้านวายุในแคว้นภูผา

เรื่องนี้มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนินจา อาจทำให้ดูคล้ายเรื่องนารุโตะบ้าง แต่ผู้เขียนยืนยันว่าต่างจากเรื่องนารุโตะอย่างแน่นอน
แต่อาจมีโคลงเรื่องและการผูกเรื่องบางตอนอาจมีบางส่วนไปคล้าย เช่น การตั้งชื่อแคว้นมาแนวเดียว และการใช้วิชานินจาบางอย่างอาจเหมือนกัน ส่วนตัวละครแต่งใหม่หมด รวมถึงขีดความสามารถพิเศษทางด้านสายเลือดใหม่ๆที่คิดขึ้นมาเองด้วย



แนว- แฟนตาซี
ประเภท- เกย์
เรท- ปกติ/อีโรติค(บางตอน)

ยังไงก็ขอให้สนุกกับเรื่องนี้อีกเรื่องนะครับ



ตอนที่1 การสูญเสีย

ตอนที่2 การประชุมเลือกเงาแห่งพายุ
ตอนที่3 ภารกิจออกตามหา
ตอนที่4 สู่ชายแดน ทะเลเลือด
ตอนที่5
เหล่าศัตรูอันน่ากลัวหมู่บ้านคลื่น
ตอนที่6 ปะทะนินจาคลื่น "ผู้ใช้ปลาคราฟ"
ตอนที่7 ว่าที่เงาแห่งพายุรุ่นที่5ปรากฎตัว
ตอนที่8 แผนเข้าตีแคว้นภูผา


นินจามหาเวทย์ ตอนที่1

ในโลกนินจา ซึ่งมีแคว้นต่างๆใหญ่น้อยมากมายได้แ่ก่งแย่งชิงดี เพื่อที่จะได้เป็นแคว้นที่ใหญ่และทรงอำนาจที่สุดในโลกนินจาแห่งนี้ ต่อมาสงครามระหว่างแคว้นก็เริ่มกลายเป็นสงครามนินจา โดยที่สงครามนินจานั้นเกิดขึ้นมาแล้วถึง2ครั้ง ในครั้งแรกเกิดขึ้นในสมัยที่ทุกแคว้นยังไม่ได้รวบรวมหมู่ บ้านซึ่งเป็นสงครามที่ทำให้เกิดหมู่บ้านลับแห่งนินจาตามมา ในสงครามนินจาครั้งที่2นั้นเป็นสงครามระหว่างแคว้นเนื่องด้วยแต่ละแคว้นมีนิ นจาสะสมไว้เพื่อสู้รบกันเอง จากที่เคยเป็นสงครามรบพุ่งก็กลายมาเป็นสงครามเย็น ซึ่งในแต่ละแคว้นนั้นได้เริ่มมีหมู่บ้านลับนินจา เพื่อสะสมกองกำลังนินจาของหมู่บ้านลับนินจาในแต่ละแคว้น จนเป็นที่มาแห่งสงครามเย็นระหว่างแคว้นนั่นเอง หลังสงครามครั้งที่2นี้เองทำให้เกิดแคว้นใหญ่ๆขึ้นมาถึง7แคว้น อันได้แก่ แคว้นท้องฟ้า แคว้นทุ่งร้าง แคว้นทุ่งหญ้า แคว้นป่า แคว้นภูผา แคว้นหุบเหว และแคว้นทะเล นอกจากนั้นยังมีแคว้นเล็กๆอีกหลายแคว้นที่ยังอยู่รอดมาได้เช่น แคว้นเมฆ แคว้นแม่น้ำ แคว้นเหล็ก แคว้นหิมะเป็นต้น ซึ่งแคว้นต่างๆนี้เองที่เป็นชนวนการสะสมกองกำลังนินจา และเป็นสาเหตุของสงครามเย็นในยุคปัจจุบัน


โลกนินจาในปัจจุบันนี้มีพันธมิตรหมู่บ้านนินจาที่ประกอบด้วย หมู่บ้านแสง(แคว้นท้องฟ้า) หมู่บ้านภูเขาเพลิง(แคว้นทุ่งร้าง) หมู่บ้านสายฟ้าฟาด(แคว้นทุ่งหญ้า) และหมู่บ้านพายุ(แคว้นภูผา) เป็น4หมู่บ้านใหญ่ในพันธมิตรนินจา ซึ่งนับว่าเป็นแกนความสงบของโลกนินจาเลยก็ว่าได้ ส่วนหมู่บ้านความมืด(แคว้นหุบเหว)นั้นเป็นหมู่บ้านลับนินจาที่ลึกลับที่สุด และคอยเป็นปรปักษ์ต่อแคว้นอื่นๆอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากต้องการเป็นใหญ่และคุมอำนาจในโลกนินจาเพียงหนึ่งเีดียว


พันธมิตร4แคว้นใหญ่นั้น บางทีก็ระแวงกันเองไม่ค่อยจะสามัคคีกันเท่าที่ควร ทำให้ฝ่ายหมู่บ้านความมืดเข้าแทรกแซงอยู่บ่อยครั้ง เพื่อทำให้เป็นเหตุให้ผิดใจกันเองเสมอ แล้วช่วงโอกาสที่ฝ่ายหมู่บ้านความมืดก็มาถึง เมื่อการประชุมเงาผู้นำหมู่บ้านแห่งปีมาถึง ในการประชุมเงาครั้งนั้นเองที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างแคว้นต่อกันอีกครั้ง เมื่อเงาแห่งสวรรค์ของหมู่บ้านสวรรค์รุ่นที่2ถุกลอบสังหาร พร้อมกับเงาแห่งทรายรุ่นที่4ผู้มาเป็นพยานในการประชุม ทำให้สถานะการณ์ทั้ง4แคว้นใหญ่ตึงเครียดมากกว่าเดิม ไม่เพียงแค่นั้นแคว้นเล็กๆต่างๆก็ตรึงเครียดไปตามๆกัน 4แคว้นใหญ่ก็เริ่มระแวงกันเอง จนทำให้การประชุมในครั้งนั้นต้องยกเลิกในทันที แล้วไม่กี่อึดใจเมื่อประกาศล้มเลิกงานประชุมเงา หมู่บ้านลับนินจาแห่งแสงก็ถูกเข้าโจมตีจากหลายทาง ทั้งจากทางแคว้นทะเล แคว้นดิน แคว้นเหล็ก และแคว้นหุบเหว จนทำให้หมู่บ้านแสงระส่ำระสายพ่ายอย่างไม่เป็นท่า จึงต้องขอความช่วยเหลือจาก3แคว้นใหญ่ที่เหลือ


เงาอีก3แคว้นนั้นยังอยู่ในแคว้นท้องฟ้า จึงให้ความช่วยเหลือแคว้นท้องฟ้าอย่างเต็มที่โดยนำกองกำลังนินจาจากอีก3แคว้นเข้ามาช่วยต้านในศึกครั้งนี้ ซึ่งกองกำลังนั้นประกอบด้วย เงาแห่งเปลวอัคคีรุ่นที่3 เงาแห่งอัศนีรุ่นที่4 และเงาแห่งพายุรุ่นที่4 ทั้ง3เงาต้องนำกำลังอีก3แคว้นใหญ่เข้ามาช่วยแคว้นท้องฟ้า คนนินจาที่โจมตีถอยร่นออกจากแคว้นท้องฟ้า การต่อสู้ครั้งนั้นเป็นไปอย่างดุเดือดมาก ถึงแม้ว่าจะรักษาแคว้นท้องฟ้าไว้ได้ แต่ฝ่ายพัธมิตรเองก็เสียเงาแห่งสวรรค์รุ่นที่2ไปแล้วนั้น และยังเสียเงาอัศนีรุ่นที่4กับเสียเงาพายุรุ่นที่4ไปพร้อมๆกัน เงาแห่งเปลวอัคคีที่รอดมาได้เพียงหนึ่งเดียวนั้นก็บาดเจ็บสาหัสทีเดียว ทำให้พันธมิตรนินจาตอนนี้สั่นคอน ไปตามๆกัน


เมื่อสถานการณ์เริ่มสงบลง กองกำลังนินจาแคว้นต่างๆก็เริ่มทยอยเดินทางกลับแคว้นของตน ด้วยความโศรกเศร้าเสียใจ

ณ ห้องที่ปรึกษาหมู่บ้านวายุแคว้นภูผา

"ขอรายงานครับ" นินจาผู้นึงในหน่วยลับแห่งหมู่บ้านวายุปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับคุกเข่าทำความเคารพต่อหน้า4ที่ปรึกษาผู้เฒ่าประจำหมู่

"ว่ามา" ผู้เฒ่าผู้นึงคือท่านคุโระคะเซะ ชิเงะโคคุ ผู้เป็นหัวหน้าหน่วยลับ รีบสั่งให้นินจาลับผู้นั้นรายงานสถานการณ์

"ตอนนี้กองกำลังได้อยู่ในระหว่างเดินทางกลับหมู่บ้านครับ พึ่งเข้าชายแดนแคว้นภูผาของเรา ทางเราเสียท่านรุ่นที่4ไปครับ ส่วนกองกำลังที่เราส่งไปช่วยนั้นรอดกลับมาไม่ถึงครึ่งครับ" นินจาลับผู้นั้นรายงานพวกผู้เฒ่าด้วยความหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง

ตึ้งงงงงงงงงงงง เสียงตบโต๊ะดังขึ้น ด้วยอารมณ์โกรธ "พวกหุบเหวมันทำเกินไปแล้วแบบนี้เท่ากับมันประกาศสงครามนินจากับเรา" ผู้เฒ่าจากตระกูลฟูมะ ท่านฮิรุเซน กล่าวขึ้นพร้อมกับสีหน้าโกรธแค้นนินจาอีกหมู่บ้านเป็นอย่างมาก

ก่อนที่ท่านฮิกาชิยามะ ฟูโกะ คุโนะอิจิหนึ่งเดียวใน4ผู้เฒ่าจะกล่าวขึ้นว่า "ท่านฟูมะ ฮิรุเซนโปรดสงบสติอารมณ์ของท่านลงก่อน เพราะในตอนนี้เราต้องคำนึงถึงความมั่นคงของหมู่บ้านวายุ และแคว้นภูผาของเราเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าเราขาดเงาพายุไม่ได้" นางพูดอย่างใช้สติไตร่ตรอง แต่ก็ยังมีหยาดน้ำตาเล็กๆไหลออกมาพอสังเกตุได้เนื่องด้วยคนที่เสียชีวิตไปคือ รุ่นที่4หรือพี่ชายแท้ๆของนางเอง แต่นางก็ยังคงคุมสติตัวเองอย่างรอบคอบ และคุมอาการได้อย่างดีเยี่ยม

"เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับฟูโกะ" ท่านฮิกาชิยามะ ชิซุยผู้เป็นสามีท่านฟูโกะกล่าวสนับสนุนเสริม

"งั้นสิ่งที่เราควรทำตอนนี้คือเรียกประชุมนินจาเพื่อคัดสรรหานินจาที่จะมาเป็นเงาพายุรุ่นที่5กัน" ท่านคุโระคะเซะ เพิ่มเติมข้อควรจัดการต่ออีก3ผู้เฒ่า

"งั้นข้าก็ไม่คัดค้านอะไรใรเมื่อท่านทั้ง3เห็นเสียงเดียวกันแบบนี้" ท่านฟูมะกล่าว

"เอาละตกลงว่า เราจะประชุมเลือกเงาพายุรุ่นที่5เมื่อ กองกำลังที่ส่งไปช่วยแคว้นท้องฟ้ากลับมาถึงหมู่บ้าน และรีบส่งข่าวให้นินจาหมู่บ้านเราที่ทำภารกิจต่างๆทั้งหมดกลับสู่หมู่บ้านเพื่อเข้าร่วมงานไว้อาลัยท่านรุ่นที่4 และนินจาที่เสียชีวิตไปในสงครามครั้งนี้" ท่านฟูโกะสั่งนินจาลับคนที่มารายงานสถานการณ์ให้ไปส่งคำสั่งต่อ พร้อมกับให้หน่วยลับส่วนนึงออกไปคุ้มกันนินจาที่จะกลับมาด้วย แล้วสั่งเพิ่มอีกว่า
"เรียกโทโมอากิเข้ามาพบข้าด้วย บอกผ่านทางโนวากิ ซาคุซึ่งเป็นอาจารย์ประจำกลุ่มนะ"

พอสั่งการต่างๆเสร็จ นินจาลับคนนั้นก็รีบหายตัวออกไปทันที 4ผู้เฒ่าจึงเริ่มแสดงสีหน้ากังวลกันมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก เพราะพวกเขาเป็นนินจาที่มากด้วยประสบการณ์ และยังเป็นถึงที่ปรึกษาประจำหมู่บ้าน จะมาทำตัวอ่อนแอต่อหน้าลูกน้องไม่ได้นั่นเป็นสิ่งที่พวกเค้ารู้กันดี จึงพากันตีสีเข้มตลอดเวลาที่ออกคำสั่ง เพื่อไม่ให้นินจาที่เป็นลูกน้องวิตกกังวล


ณ ป่าทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านวายุ

ฉึก! ฉึก! ฉึก! เสียงปาดาวกระจายเข้าเป้าอย่างแม่นยำ เด็กชายวัยตัวรุ่นค่อนข้างโปร่งน่าตาหน้ารักทีเดียว เขายืนปาดเหงื่อท่ามกลางป่าเขา เขาตั้งใจฝึกฝนวิชานินจาด้วยความขยันมาโดยตลอด ด้วยจุดประสงค์ที่ว่าอยากเป็น เงาแห่งพายุเหมือนตาของเขา ดูเหมือนว่าเด็กชายคนนี้จะยังไม่รู้เรื่องอะไรจากสงครามที่แคว้นท้องฟ้าเลย เขารู้เพียงแค่ว่าคุณตาไปทำภารกิจประชุมผู้นำหมู่บ้านจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เขาก็รู้ดีว่า

"ชีวิตของนินจามันแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่บางเบา และสามารถขาดได้ทุุกเวลา" เพราะท่านตาเขาสอนให้ท่องจำเอาไว้เสมอ เขาจึงพยายามฝึกเพื่อให้ตนเองเหนือกว่าคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตาของเขาต้องการและตามที่เขาตั้งใจ เพราะตอนนี้นินจาหน้าใหม่ ที่ถือว่าเป็นแนวหน้าของหมู่บ้านวายุนั้นมีเขารวมอยู่ด้วย

แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีเปลวเพลิงพุ่งมาโจมเขาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว พร้อมเสียงเรียกชื่อคาถาอย่างดัง
"วิชานินจาไฟคาถาเพลิงกระจาย" เพลิงนั้นพุ่งมาเร็วมากจนประทะไปที่ตัวเด็กหนุ่มอย่างจัง จนทำให้ผู้ร่ายคาถานั้นตกใจด้วยความเป็นห่วง เขารีบเข้าไปดูเด็กชายผู้ถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว

"โทโมอากิ นายอย่าเป็นอะไรนะ" เขาพูดพร้อมดูเหมือนจะร้องให้ ทันใดนั้นเองร่างที่เขาเห็นก็กลายเป็นท่อนไม้ พร้อมกับมีคนเอาคุนัย(มีดสั้นนินจา)มาจี้ที่หลังคอเด็กหนุ่มอีกคนที่ดูเหมือนจะร้องให้อยู่

"เทรุ นายนี่มันอ่อนหัด ตลอดเลยนะ" โทโมอาคิพูดกับเด็กหนุ่มอีกคนเชิงดูถูก ก่อนที่จะหัวเราะเพื่อนชายตน

"คาวาริโนะมิ...(วิชาสลับร่าง)งั้นรึ" เทรุหายตกใจพร้อมอุทานมันออกมา ก่อนที่จะหันมาพูดกับโทโมอากิต่อ

"เจ้าบ้าเอ้ย ฉันนึกว่าเจ้าหลบไม่ทันซะอีก ฉันกล้ว...กลัวที่จะเสียนายไป" เทรุพูดเหมือนกับเหมือนน้ำตาจะไหล พร้อมโผเข้ากอดที่โทโมอากิไม่เป็นอะไร ด้วยความเป็นห่วงเขาจึงกอดแน่นมาก

"ปล่อยเรานะ เทรุ เราอึดอัด ถ้านายไม่ปล่อยเรา เราจะฆ่านาย" โทโมอากิพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำให้เทรุกลัวเลย แถมเทรุยังใช้จังหวะที่โทโมอากิเผลอ หอมแก้มโทโมอากิไปฟอดนึงเต็ม ก่อนจะยิ้มแบบเจ้าเล่แล้วหอมแก้มโทโมอากิอีกที ทำให้โทโมอากิอายจนต้องดิ้นสุดตัวจนหลุดได้ในที่สุด และร่ายคาถาตอบโต้อย่างรวดเร็ว

"วิชานินจาลมคาถาสายลมพันธนาการ"โทโมอากิการสร้างคุกสายลมเพื่อพันธนาการเทรุนั่นเอง

"เมื่อครู่นายทำกับเราเอาไว้แสบนัก คราวนี้เราขอเอาคืนบ้าง" สิ้นคำพูดโทโมอากิก็ซัดดาวกระจายออกไปพร้อมกันถึง3อัน พร้อมกับตั้งอินร่ายคาถาตามลำดับ

"วิชานินจาคาถาแบ่งภาคดาวกระจาย"ทำให้ดาวกระจายที่ซัดออกไปทั้งหมดมีมากมายและเป็นของจริงทั้งหมด ดาวกระจายมุ่งตรงไปที่เทรุอย่างแม่นยำทำชุดเขาขาดหวิ่นไปหลายที่เลยทีเดียว ก่อนที่จะมีปราการดินขึ้นมาขวางดาวกระจายชุดที่เหลือ

"วิชานินจาดินคาถากำแพงพสุธา" เสียงร่ายคาถาดังมาจากต้นไม้บริเวณที่โทโมอากิฝึกอยู่ จนทำให้โทโมอากิต้องมองขึ้นไปด้วยความโกรธนิดๆ

"ชุน นายมาขัดเราแบบนี้มันไม่เหมาะเลยนะ" โทโมอากิทักเด็กชายตัวใหญ่โตอีกคนบนต้นไม้ด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไร

"ขออภัยครับท่านโทโมอากิ พอดีว่าผมตรวจจับพร้อมคำนวนแล้วว่า ถ้าปล่อยให้เทรุโดนดาวกระจายของท่าน เขาอาจบาดเจ็บสาหัสได้ครับ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อกลุ่มเราแน่ๆครับ" ชุนรีบกล่าวขอโทษโทโมอากิพร้อมอธิบายเหตุผลให้โทโมอากิฟัง ก่อนที่โทโมอากิจะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาหัวเราะอย่างร่าเริง

"ฮ่าๆๆๆ เรารู้ว่านายมานานแล้ว แล้วก็รู้ด้วยว่านายกับฮารุซุ่มอยู่บนต้นไม้" โทโมอากิพูดอย่างคำนวนไว้แล้วเหมือนกันว่าเรื่องต้องออกมาประมาณนี้ พร้อมพูดต่อ
"ถึงนายจะให้ ฮารุ ซ่อนจักระให้นายแต่มันก็ปิดเราไม่ได้ เนื่องจากนายกับเรามีจักระที่คล้ายกันมาก การตรวจจับจักระของเราจึงจับจักระนายได้อย่างแม่ยำ"

ขณะที่โทโมอากิมัวอธิบายอยู่นั้นเอง การโจมตีระลอกใหม่ก็ได้เริ่มขึ้น แต่เป็นการโจมตีระยะประชิดจนเขาเองหลบแทบไม่ทัน เฉี่ยวตัวไปไม่ถึงนิ้วจนเซไปทางที่เทรุยืนอยู่แต่ทว่า ตอนนี้เทรุนั้นหลุดจากคาถาที่ร่ายพันธนาการไว้แล้ว จึงรับโทโมอากิเข้าไปกอดอีกครั้ง โทโมอากิเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเทรุคราวนี้ ถึงกับอายจนหน้าแดงเพราะอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ก่อนจะผลักเทรุออกไปจากตนแล้วเริ่มมองหาผู้ที่โจมตีระลอกที่แล้ว ก่อนที่จะทำหน้าเอาจริง พร้อมพูดว่า

"ฉันเริ่มจะสนุกแล้วสิ ฮารุ เจ้าซ่อนจักระได้ดีมากๆ ทำให้เราตรวจจับจักระของ เทนอิทซึ ไม่เจอเลย แต่เราไม่แพ้พวกนายหรอกนะ" โทโมอากิพูดอย่างขึงขังพร้อมกับกัดนิ้วตัวเองให้เลือดออก แล้วหยุดเลือดลงพื้นแล้วตั้งอินร่ายคาถาในทันที
"โซ่สวรรค์จงปรากฎต่อหน้าเราผู้เป็นเจ้านายแห่งเจ้า"สิ้นคำอัญเชิญแล้ว สายโซ่ก็ออกมาจากนิ้วโป้งด้านขวามือของโทโมอากิ แล้ววิ่งไปหาชุนที่นั่งอยู่บนต้นไม้ พร้อมกับไปพันรอบที่ดาบของชุน เพื่อสร้างดาบที่คล้ายกับของชุน เพื่อเป็นอาวุธให้โทโมอากิผู้ใช้โซ่

"ชุน ดาบนาย เราขอก๊อปก่อนนะ" โทโมอากิกล่าวกับชุน เมื่อโซ่สวรรค์เลือกดาบของชุนไป

"ไม่มีปัญหาครับ ท่านโทโมอากิ" ชุนให้โทโมอากิสร้างดาบใหม่ที่คล้ายของตนไปด้วยความเต็มใจ

แล้วการโจมตีระยะประชิดจากเทนอิทซึก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ดูเหมือนว่าโทโมอากิจะดักทางโจมตีได้ถูก และสะกัดการโจมตีของเทนอิทซึได้ตลอด เทรุเองเห็นว่าเทนอิทซึไม่มีทางโจมตีโทโมอากิได้แน่ๆ จึงให้สัญญาณไปยัง ชุน เมื่อชุนเห็นสัญญาณสัญญาณจากเทรุก็รุ้ได้ว่า เทรุจะเอาจริงเหมือนกัน ชุนจึงต้องกางคาถาดินไว้ให้พร้อมเพื่อเซฟทุกคนจากการฝึก เขาเริ่มตั้งอินอย่างรวดเร็ว แล้วกระโดดลงไปยังโขดหินขนาดใหญ่ด้านล่าง ก่อนจะเอากางฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนโขดหินพร้อมร่ายคาถา
"วิชานินจาดินคาถาเตรียมปราการ" คาถานี้ต่างจากคาถากำแพงพสุธาตรงที่ว่า สามารถป้องกันเป้าหมายได้ทันที โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งที่ใช้ ทำให้กางปราการดินต่อเนื่องได้ เมื่อเทรุเห็นชุนเซทการป้องกันเสร็จ ก็ตะโกนไปบอกโทโมอากิอย่างรวดเร็ว

"งานนี้ฉันขอล้มนายด้วยคนนะ โทโมอิกิ" พร้อมกับยิ้มแล้วเขาประจันหน้าตรงๆกับโทโมอากิด้วยดาบคู่ ฮารุเองจึงกระโดดลงมาอยู่ด้านหลังชุน ก่อนที่จะตั้งอินพร้อมร่ายคาถาซ่อนจักระ เทรุด้วยอีกคน

"วิชานินจาลับคาถาซ่อนจักระ" เมื่อฮารุร่ายคาถาเสร็จทำให้ โทโมอิกิจับทางโจมตีจากทั้งเทรุและเทนอิทซึไม่ทัน โดนสันดาบของเทรุเข้าไปเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก ดูเหมือนว่าเทรุจะยั้งมือเสมอเมื่อสู้กับโทโมอากิทั้งๆที่ เมื่อครู่เขาสามารถชนะได้ เขายิ้มให้โทโมอากิอย่างเจ้าเล่เช่นเดิม ทำไห้โทโมอากิเสียสมาธิไปอีกครั้ง แล้วเทนอิทซึก็โจมตีมาจากด้านบนอย่างรวดเร็ว ทำให้โทโมอากิกระเดนไปข้างหลัง แต่ด้านหลังเขาก็มีเทรุมารออยู่แล้ว

"บัดซบที่สุด" โทโมอากิ สบถออกมา แต่ดูเหมือนว่าไม่ทันแล้ว เขากำลังลอยไปหาเทรุอีกแล้ว ซึ่งก็เป็นอีกครั้งที่เทรุรับด้วยอ้อมกอดที่อบอุ่นเหมือนทุกครั้ง แต่โทโมอากิก็สลัดเทรุออกอีกครั้ง เลยทำให้เทนอิทซึโจมตีต่อเนื่องได้ แต่ครั้งนี้โทโมอากิหลบไม่ทันแน่ๆ ชุนเลยตัดสินใจกั้นปราการดิน ทำให้โทโมอากิโดนปราการดินกั้นไปพร้อมๆกับเทรุที่อยู่ติดๆกัน จนทั้งคู่ติดอยู่ในปราการดินนะยะนึง ซึ่งทั้งคู่ต้องยืนติดกันจนเรียกได้ว่าเบียดกันเลยทีเดียว เพราะปราการดินนั้นจะกันเฉพาะทีละคน พอลดปราการดินลงโทโมอากิก็หลบสายตาเทรุอย่างเขินอาย ก่อนที่เพื่อนๆจะพากันหัวเราะออกมา ทำให้โทโมอากิอายมากกว่าเดิม

"เจ้าถึงกับเคลื้มเลยหรือ โทโมอากิ" เทนอิทซึเด็กผู้หญิงห้าวๆในกลุ่มแซวโทโมอากิเล่น

"เรา...น่ะ เอ่อ เราอ่ะ...." โทโมอากิอ้ำๆอื้งๆถึงกับพุดไม่ออกจากที่เป็นคนพูดจาฉะฉาน

"เอาน่าข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเจ้านี่นา" เทนอิทซึกล่าวพร้อมกับตบบ่าโทโมอากิอย่างเพื่อนสนิทกัน

ทันทีทันใดนั้นเอง ก็มีเงามาปรากฎอย่างรวดเร็วบริเวณบนต้นไม้ ซึ่งทั้ง5ก็ขว้างดาวกระจายและคานุยออกไปพร้อมกัน ทั้งดาวกระจายและคานุย พุ่งใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว แล้วทันใดนั้นอาวุธขว้างทั้งหมดก็โดนดาบ ของผู้ที่มาปรากฎตัวสะกัดอย่างรวดเร็ว และกระจายออกไปคนละทาง เมื่อทุกคนได้เห็นดังนั้นก็พากันยิ้มให้บุคคลนั้นและก้มหัวทำความเคารพให้บุคลนั้นทันที เขาก็คืออาจารย์ผู้เป็นนินจาระดับสูง(โจนิน) โนวากิ ซาคุ นั่นเอง

"พวกเจ้าพัฒนาไปมากนะ มากจนข้าตกใจเลยทีเดียว ข้าซุ่มดูอยู่นานแล้วละอินฟอร์เมชั่น พวกเจ้าถือว่าดีมาก การสอบเลื่อนขั้นเป็น โจนินคงไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ" ซาคุกล่าวชมลูกศิษย์ในกลุ่มตัวเองฟัง พร้อมกับจับจุดอ่อนจากการฝึกไปเมื่อสักครู่ และอธิบายจุดอ่อนนั้นๆให้ลุกศิษย์ในกลุ่มฟังอย่างละเอียด โดยใช้เวลาอยู่ระยะนึง ซึ่งเหล่าเด็กๆก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

บทสนาจบลงได้ไม่นาน นินจาจากหน่วยลับก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมที่แจ้งข่าวจากสงคราม
"รายงานครับ" นินจาจากหน่วยลับกล่าว

"ครับ โนวากิ ซาคุ อาจารย์โจนินกลุ่มมังกร" ซาคุกล่าวรายงานตัวก่อนรับฟังรายงาน

"คือ...ว่า...." นินจาจากหน่วยลับทำท่าอ้ำๆอึ้งๆก่อนที่จะมาไปยังโทโมอากิ ทำให้ซาคุ พอที่จะเข้าใจความหมายว่ามันคืออะไร ซาคุจึงให้เด็กๆหลบออกไปก่อน จากนั้นนินจาจากหน่วยลับก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ซาคุเองก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดในแคว้นท้องฟ้าเช่นกัน เขาเป็นนินจาฝีมือเยี่ยมก็จริงแต่ที่เขาไม่ได้เข้าร่วมสงคราม เพราะว่ากลุ่มผู้เฒ่าต้องการให้เขาป้องกันหมู่บ้าน ทำให้เขาต้องทำตามคำสั่งอย่างหลี้เลี่ยงไม่ได้

ซาคุ เองเดินไปหาเด็กๆลูกศิษย์ที่รออยู่ริมบึง ก่อนที่จะบอกแยกย้ายเด็กๆให้กลับบ้านได้ ทุกคนกำลังจะแยกกันกลับบ้าน ซาคุก็ทักท้วงโทโมอากิเอาไว้ก่อน บอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วยให้ตามเขาไป โทโมอากิเดินตามซาคุเข้าไปยังที่ทำงานของเงาหมู่บ้าน ด้วยความสงสัยโทโมอากิจึงถามขึ้น

"อาจารย์ซาคุ พาผมมาที่นี่ทำไมครับ คุณตาก็ไม่อยู่นี่นา" โทโมอากิทำท่าสงสัยก่อนที่จะคิดแล้วพูดออกมาอย่างดีใจว่า

"หรือว่าคุณตากลับมาแล้ว" ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นและดีใจมากกว่าเดิม แต่ก็ไม่มีเสียงตอบจากผู้เป็นอาจารย์เลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่พาโทโมอากิเดินไปอย่างเงียบๆ จนถึงห้องที่ปรึกษา โทโมอากิเห็นผู้เฒ่าแล้วก็ก้มหัวคำนับด้วยความเคารพ ก่อนที่จะค่อยเงยหน้าขึ้น ท่านฟูโกะ กวักมือเรียกเด้กชายไปนั่งใกล้

"มาหายายมาโทโมอากิเอ้ย" เด็กหนุ่มก็ไปนั่งข้างๆท่านฟูโกะอย่างเรียบร้อย ท่านฟูโกะเองก็ลูบหัวโทโมอากิด้วยความรัก พร้อมกลับเริ่มร้องให้ออกมา และคร่ำครวญว่า

"โทโมอากิช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร เสียพ่อแม่ไปแต่เด็ก และยังต้องมาเสียคนที่รักไปอีก" ท่านฟูโกะพูดจบเด้กหนุ่มก็เริ่ทเดาความหมายได้จึงน้ำตาไหลออกมา พร้อมกับเข้าไปกอดท่านฟูโกะอย่างแน่นขึ้น พร้อมถามพลางน้ำตาไปด้วยสะอื้นไปด้วยว่า

"มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมครับท่านยาย?"เขาถามทั้งเสียงที่สะอื้นออกมาอย่างสุดๆ ทำเอาเหล่าผู้เฒ่าน้ำตาคลอเบ้ากันเลยทีเดียว "ไม่เป็นไรนะหลานรัก อยู่กับยายต่อไป เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ถึงตอนนี้ยายจะแต่งงานมาอยู่กับตระกูลฮิกาชิยามะ แต่ยายก็เกิดมาในตระกูลอามะโทบิระเช่นเดียวกับหลาน หลานจะต้องอยู่ต่อไปเพื่อตระกูลของเรานะ" หญิงชราผู้น่าเกรงขามร้องทั้งน้ำตานองหน้า พร้อมกอดหลานชายสุดที่รักไว้อย่างแน่น

"เจ้าอย่าคิดอะไรมากเลย พี่ฟูกะ(รุ่นที่4)เขายังคงอยู่ข้างๆเจ้าเสมอไม่ได้ไปไหนไกลหรอก" ท่านฟูโกะปลอบโทโมอากิแต่ตัวเองก็ร้องให้ไปด้วยเช่นกัน ทั้งคู่กอดกันร้องให้อยู่นานมาก ก่อนที่โทโมอากิจะร้องให้จนหลับไปในที่สุดในอ้อมแขนของผู้เป็นยายซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆของเงาพายุรุ่นที่4

ท่ามกลางความโศรกเศร้าเสียใจของคนทั้งแคว้น การไว้อาลัยจึงเริ่มตั้งแต่คืนนี้ไปเป็นเวลา7วัน มันเป็นความทรมานเหลือการสำหรับ เด็กชายคนนึงที่ต้องเสียพ่อแม่ไป แล้วยังจะมาเสียตาที่เลี้ยงเขามาไปอีกคน วันนี้ช่างหนักหนาสาหัสเหลือเกินกับเด็กชายคนนึงที่นอนอยู่ตรงนี้...

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เขาชนไข่ กับ ตินโคตรหล่อ (ก๊อป)

แน่นอนว่าเป็นเรื่อง ตอน ม.5 ครั้บ เราเข้าค่าย เขาชนไก่ เป็นครั้งแรก (ปี 2)

ปลาย เดือน มกรา ก็ถึงผลัดของ โรงเรียนผมที่จะไปเข้าค่ายที่เขาชนไก่ ผมก็ใจตุ้มๆต่อมๆแบบสุดๆครับ เพราะไม่เคยไป มีแต่คนบอกโหด ไม่รู้จะเตรียมตัวไปยังไง

แต่มีคนบอก ให้เอากางเกงในไปเยอะๆครับ สำคัญสุด ผมก็นับจำนวนวันแล้วคูณสองครับ คือไป 3 วันใช่ป่ะ ผมก็เอาไปซะ หกตัว บวกกับตัวที่ใส่ไปเป็น 7 ครับ (เอาไปเยอะกันเหนียว) กับเสื้อใน รด อีก 3 ตัว ตามที่เค้าสั่ง

ผมกับ เพื่อนก็ไปด้วยกันถึงที่หลังกระทรวงประมาณ เกือบๆจะหกโมงแล้วครับ ไปถึงเค้าก็ให้เข้าแถวรวมกันนะ
ผม ก็พยายามจับกลุ่มเอาไว้ แต่พลาดครับ ผมพลัดกับเพื่อนๆเพราะว่าโดนปัดแถว เลยไปเข้าแถวใหม่กับ กลุ่ม รร อื่น ผมงี้ใบ้แดรกเลยครับ มาตัวคนเดียว
นอก จากนั้นแถวผมยังต้องตัดเข้าไปขึ้นรถกับพวก รรนั้นอีก แย่มากๆ เลย เพื่อนหายหมด ขอบอกครับ ไปเขาชนไก่เนี่ยพยายามอยู่ติดเพื่อนให้มากที่สุดจะมีประโยชน์อย่างมากเลย

ผม ก็ซวย ตอนนั่งในรถก็ไปนั่งข้างๆเด็กคนนึงครับ ประมาณว่า กุขึ้นคนแรกๆ รีบหาที่นั่งว่างๆ เด๋วไม่ได้นั่ง
เลยไม่ได้มองคนข้างๆครับ

ตอนรถ ออกผมก็แอบเหล่ๆนิดนึงครับ อาร์ม รร มองไม่เห็นมันอยู่อีกด้านนึง ก็ไม่รู้ว่า รร อะไร
แต่ รอบตัวที่มีแต่ รร ชายล้วนนั้นมันก็คุยกันเสียงดัง ผมก็นั่งเงียบ ฟังเพลงอยู่คนเดียว
ผมก็ สังเกตว่า ไอ่ข้างๆผมมันก็นั่งคนเดียว เพื่อนไม่คบเหมือนกันครับ
ผมก็หัน ไปทักทายเค้าสักหน่อย
"หวัดดีนาย"
เค้าก็หันมาหาผมครับ ตลอดเวลาที่นั่งรถมาไม่ได้เห็นหน้ากันแบบเต็มๆเลยครับ เพราะเค้าจะหันหน้าออกนอกรถมองวิวตลอด
ปราก ฎว่า โชคเข้าข้างผมครับ มันหล่อชิบหายเลย คิ้วเข้มๆ หน้าขาวจั๊วเลยครับ ตาสองชั้นแบบคนไทยนี่แหละ ตามันคมมากๆเลย หล่อโคตรพ่องโคตรแม่งอะ
"ครับ" แล้วมันก็ชำเลืองมองผม
"นาย เอาของมาวางกับเราก็ได้นะครับ"
แล้วมันก็ยกกระเป๋าผมไปวางที่ใต้ขามัน ครับ
ลืม บอกไปว่า เป้ รด เนี่ยปกติ คนอื่นมันจะไปรอคิวกันเก็บไว้ท้ายรถใช่ป่ะ ผมอยากขึ้นก่อนเลยไม่ได้เอาไปเก็บ แบกแม้งขึ้นรถเลย ก็เลยลำบากมานั่งพยุงอยู่ ใบก็เบอเร้อ เผอิญมันนั่งริมหน้าต่าง สะดวกกว่า
"ขอบ ใจนะ"
"รร ไรอ่ะนาย" เขาถามผมครับ
"xxxx ครับ" ผมก็บอกไป
มันพยัก หน้าครับ ออกแนวกวนๆ อ้าวไอ้เห้ นี่มืงทำหน้างี้ดูถูก รร กุนี่หว่าเนี่ย
"นาย มาจาก รร ไรล่ะ"
ผมถามมัน บ้าง
" yyyy "
เป็น รร คริสชายล้วนอีกแล้วครับ แต่คนละ รร กับพวกคนอื่น ถึงว่า นั่งเงียบไม่คุยกับใครเลย
"ทำไมมาคนเดียวล่ะครับ" ผมถามต่อ
"เรา ดรอปปีที่แล้ว จริงๆตอนนี้ปีสามแล้วนะ แต่ปีที่แล้วไปทุน AFS เลยดรอปมาเรียนกับพวกน้องๆ ไม่รู้จักใครเลย เมื่อเช้าก็มาคนเดียว มองหาใครไม่เจอ ก็เลยมาเข้าแถวกับใครก็ไม่รู้ แย่ว่ะ"
"งั้นก็เป็นพี่ดิ เนี่ย ผมถูกจับแยกกับเพื่อนๆ ไปถึงเค้าจะให้รวมกันใหม่มั้ยครับ"
"ไม่รู้ ว่ะ ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้นะ เอาที่จิง เราก็อายุเท่าๆนายนั่นแหละ"
"อ่อ..."
"ชื่อ ไรจะได้เรียกถูก" ผมถาม
"ติน นายละ"
"ต้นครับ"
"เอางี้ป่ะ ถ้าเค้าไม่ให้รวม นายบัดดี้เราล่ะกัน" ตินเสนอ ผมภาวนาอย่าให้มันรวม รร เลยครับ จะได้นอนเตนท์เดียวกับตินสุดหล่อ ฮ่าๆ
"ได้ ได้ ได้" ผมดีใจเป็นที่สุด

นั่ง รถไปได้จนถึงที่วัดอะไรสักอย่าง ก่อนขึ้นเขา เค้าก็มาเล่าๆ พูดๆๆ ถึงประวัติ แล้วก็พักเดินเล่น ยี่สิบนาที ก็ขึ้นเขาชนไก่ แล้วก็ไปถึงหน้า อนุสาวรีย์ของ ร.6 ยืนตากแดด จนหน้าเกรียม
ผม ก็ยังยืนคู่กับตินอยู่ เหมือนเดิมครับ เราตัวติดกันเลย ต่างคนต่างตัวคนเดียว เลยไปไหนไปกัน มองไปไกลๆ ก็เห็นกลุ่มเพื่อนมันอยู่ด้วยกัน โบกมือทักเรา เรียกเราให้ไปนั่น เราก็อ้างใหญ่บอกว่าเดี๋ยวโดนแดรกเอา ก็ยืนยันจะอยู่กับตินแล้วนี่ครับ

ตอน ตินยืนผมเลยได้สังเกต รูปลักษณ์ของเขา
สูงโปร่ง อกผาก ยิ่งตอนใส่หมวกรด แบบหมวกปะคิ้วนะ แล้วมีเหงื่อสองสามหยดที่ขมับด้วย ผมว่ามันดู หล่อสุดๆเลย ตินสูงประมาณ 175


พอทำอะไรต่อมิอะไรจบ ก็นั่งรถไปอีกสักพัก จนถึง กองพันครับ
ปีสองอยู่แค่ตีนๆเขาชนไก่ ยังไปไม่ถึงเขาชนไก่หรอกครับ

ก่อน อื่นเค้าก็แบ่งหมู่ แบ่งหมวด แบ่งกองกันก่อน ผมซึ่งเข้าแถวไกลจากเพื่อน ก็แยกเหมือนเดิม เพราะครู รด เค้าจะชี้แถวๆเลยว่า คนนี้แถวนี้ เอ้าเดินออกมาสองก้าว แบ่งกองร้อย
ตอนเค้าจับบัดดี้กัน ปรากดว่า เค้าใหอิสระ แต่ต้องจับกันในหมวดตัวเองเท่านั้น ผมก็สมหวัง ตินมองหน้าผมแล้วพยักหน้า
ครูฝึกบอกให้ไปช่วยกันกาง สิ่งที่เค้าเรียกว่า กระโจม

ก็ เป็น เต๊นท์ ที่ไม่ใช่เต๊น มีแค่ผ้าใบปิดข้างบน ข้างล่างเป็นพื้นดิน ต้องเอาผ้าใบที่เตรียมากันเองมาปูนอนอีกที ผมกับตินก็เร่งช่วยกันปู
ข้างในคับแคบมากครับ เต้นก็สั้น ท่าทางตินมันจะนอนแล้วขาเกินแน่ๆ

พอเสร็จ เค้าก็ไปฝึกๆๆๆ
ตอนเย็น ก็อาบน้ำ
อาบ น้ำนี่ ผมขอบอกว่า แทบไม่ได้อาบหรอก เวลามันกระชั้นมากๆ ผมถอดเสื้อผ้าวิ่งไปตักหน้าสองสามขัน ล้างหน้า แปรงฟันครับ ไม่ทันได้ดูใครหรอก ในห้องน้ำก็แสงสลัวๆ รู้อย่างเดียว อยู่ท่ามกลาง มัดกล้าม และกางเกงในสีสรรต่างๆลอยไปลอยมา พวกกระเทยก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำกัน พวกคนอื่นๆก็แกล้งแหย่เล่นตามประสา
ตอนอาบน้ำผมแอบสังเกตหุ่นของตินครับ มันน่าจะเป็นนักกีฬาด้วยซ้ำ มีกล้ามอก กล้ามท้อง เอวเล็กมากเลย แล้วตูดยังแน่นๆด้วย เป้าก็ตุง โหยยย
ผมได้สังเกตอยู่คนเดียวแหละ เพราะมันอาบตรงข้ามผมพอดี คนอื่นๆก็มีเดินชนกันบ้าง ทำสบู่ตกบ้าง
แต่ ทำสบู่ตกเนี่ย ครูฝึกเค้าดักคอไว้แล้ว คุยซะใครทำสบู่ตกเพื่อนๆก็หัวเราะเชียบอกให้เก็บ แล้วก็ล้อคนนู้นคนนี้ตามประสาอีกเหมือนกัน
นอนเค้าก็ต้องนอนกันจิงๆ ห้ามออกนอกเต๊นท์ก่อนเที่ยงคืน ผมยังโชคดีไม่ต้องไปเป็นเวร ก็เลยนอนทั้งคืน
ตอนนอนเราก็นอนเบียดๆกันเล็กน้อยเพราะ ที่ส่วนมากก็วางของ นอนไหล่ชนกันเลยด้วยซ้ำ
ผม ตื่นเต้นไปหมด นอนเต๊นท์เดียวกับติน ตินมันหลับยากมาก มันก็เที่ยวคุยสัพเพเหระ เล่าชีวิตมัน มันบอกว่า มันเคยมีแฟน แต่เพราะว่าไปต่างประเทศ กลับมา ผู้หญิงก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว มันเข้าไปตบผู้หญิงแล้วผู้หญิงก็พาแฟนมาต่อยมัน ชีวิตแม้งโคตรจะมันเลย
ผมก็แอบสงสารมันอยู่น้อยๆ มันบอกว่า ไปจีบหญิงที่ไหนก็มีแต่คนแอนตี้ เพราะข่าวว่ามันตบแฟนเก่านั่นแหละ
มัน เลยยังโสดอยู่ถึงตอนนั้น
ผมก็ถามเรื่องส่วนตัวบ้างละ ตอนนั้นเราก็สนิทกันพอควรแล้วเลยใช้ กุๆ มิงๆ ถามประสา
"กุว่านะ มืงก็หล่อ ทำไมไม่มีหญิงมาจีบบ้างละวะ" ผมพูดกับมัน
"ก็มีว่ะ แต่ไม่น่าสนใจหรอก" มันตอบมา
"ทำไมละ ไม่สวยหรอไง"
"สวย สิ ดาว รร หญิงล้วนมาคนนึง แต่กุว่าเค้าไม่ค่อยดึงดูดกุเท่าไร ไม่รู้ทำไม ตั้งแต่เรียกกับอีนั่น (มันเรียกว่า อี จริงๆนะ) เจอหน้าผู้หญิงก็ไม่อยากมองแล้ว"
เห้ยยย หรือว่า มืงชอบผู้ชายยยยย ผมคิดในใจ แอบเข้าข้างตัวเอง
"ดูนี่นะ" แล้วมันก็หยิบโทรสับขึ้นมา
จริงๆ เค้าห้ามใช้มือถือครับ แต่อยู่ในเต๊น กระซิบๆกัน ไม่มีใครรู้หรอก (ถ้ารู้ก้ซวยสิ)
มันก็ไล่ในรายชื่อให้ผมดู มีแต่ชื่อผู้หญิงครับ
แล้ว มันก็ไล่ลบให้ผมดู
"กุจะไม่สนผู้หญิงแล้วว่ะ มีแต่ปัญหามากมาย ไว้ค่อยคิดตอนจบไปเลยดีกว่า ตอนนี้กุมุ่งเข้า จุฬา " โอ้ว รักไม่มุ่ง มุ่งแต่เรียน !!!
"สนป่ะ" มันเปิดคลิปโป๊ให้ผมดูครับ (ชญ)
มันก็ให้ ผมดู แต่ต้องใส่หูฟังเอา เปิดเสียง โดนแดรกแน่ๆ
"กุไม่ได้ชักว่าวมา อาทิตย์นึงแล้ว" ตินบอก
"เคยเย็ด ญ ป่ะวะ" ผมถาม
"ไม่เคยว่ะ อีนั่น แม้งเล่นตัว ขอเย็ดก็ไม่ให้ บอกว่าหวงตัว โธ่ กุว่าตอนนี้โดนผัวใหม่ยำจนหิขาดหมดแว้ว"
"เห้ย แค้นเขาขนาดนั้นเลยเหรอ"
"เอ อดิ เป็นมึงว่าไงละ"
"ก็คงแค้นนะ"

เราก็นอนคุยเรื่องพรรณนี้ไป เรื่อยๆ ประกอบกับดูคลิป เรานอนหัวชนกัน ลมหายใจของตินมาปะกับผมเลยทีเดียว ดูเสร็จ ก็ปิด ตินมันบอกว่า
"เที่ยงคืนยังวะ กุจะออกไปว่าว ไปด้วยกันป่าว" ตินชวน
"ว่าวด้วยกันในนี้เลยดิ"
"ควาย หกเลอะจะเช็ดยังไง"
"เออๆ กุว่าเที่ยงคืนแล้วไปดิ"

ปรากดว่า ไปถึงครับ ห้องน้ำ แม้งสภาพ กรังๆ ตินบอกว่าหมดอารมณ์ กลับเต้นท์นอนดีกว่า

คืน นั้นผมอยู่ไม่สุขเลยครับ ต้องพยายามอดกลั้นใจไม่ให้ ลักหลับติน และก็ต้องข่มตาหลับ เอาแรง

รุ่งเช้าก็ฝึกเหมือนเดิม ไม่มีไรมาก เหนื่อยนิดๆ ส่วนมากนั่งฟัง ตอนเย็นก็อาบน้ำ เข้านอนเหมือนเดิม

แต่ คืนที่สองมีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นครับ

หลังจากนอนมาได้ครึ่งชม ตินก็บอกว่าร้อน ขอถอดเสื้อนอน
คืองี้ครับ ก่อนมานี่ อาจารย์เค้าก็ย้ำๆว่า อากาศกลางคืนหนาวมาก เอาชุดกันหนาวไปด้วย เอาเข้าจริงๆ แม้งโคตรร้อนเลย
ติดก็ถอดเสื้อผ้าเลยครับ
มันนอนกางเกง ในตัวเดียวจริงๆ
"มืงนี่ ไว้ใจกุจังวะ รุ้ได้ไงว่ากุไม่เปนเกย์ เจอกันแค่สองวัน" ผมก็ถามมัน
"ก็ ถ้ามืงเป็นก็ดีดิ กุว่ามืงน่าเย็ดดีนะ มาๆมาให้กุเย็ดทีนึงนะ" แล้วมันก็เล่นกับผมครับ มากอด เอาครวยมาไถๆ ครวยผมลุกตั้งชันเลย ไม่รู้ว่ามันทีเล่นทีจริง แต่ที่แน่ๆ ครวยผมโด่ แล้วมือมันก็มาโดนพอดี
"เฮ้ย นี่มืงเกิดอารมจริงเหรอวะ ไอ่ห่า กุแค่เล่นๆ" มันเสียดังไปนิดครับ จนไอ่เวน เวร (ไอ้เวร เวณ) ข้างนอกมันได้ยิน เลยตบเต๊นท์ทีนึงเป็นการเตือน
ตินมันขำแบบไม่มีเสียง ครับ
แล้วก็กระซิบล้อผมว่า "ต๊าย ต้นขา ต๊ายย ตูดน่ารักจังนะ" มันเอามือมาบีบตูดผมครับ
เป็นไงเป็นกัน
ผมหันมากอดแล้วจูบปากมันเลย ครับ แล้วก็ขึ้นไปคร่อมตัวมันข้างบน
มันก็ขัดขืนดิ้นมากไป จนไอ่เวรคนเดิมแม้งก็พูดว่า
"เฮ้ย มืงทำไรกันวะ เต๊นท์ขย่ม"
ตินก็ โผล่หัวออกไป
"สัด จัดของอยู่ เอี้ย ไปไกลๆเหอะ คนจะนอน"
"ไหนขอดู เมียกระเทยมืงดิ๊" แล้วมันก็เลิกเต๊นท์มา
ชิบหาย เพื่อนกุนี่หว่า
"อ้าว ไอ่ต้น... มืงไว้ใจได้เลยไอ่หน้าหล่อ ไอ่เห้นี่อะ ไม่เป็นกระเทยหรอกเว้ย....... แต่มันจะล่อตรุดมืงงะ" แล้วมันก็ขำแล้วเดินออกไป
"สัด เกือบไปแล้วไง ทำเชี่ยไรวะ" ตินมันเข้ามาคุยกับผมครับ
"โทดว่ะ ขำๆ มืงเล่นก่อน" ผมแก้ตัว
"ขำพ่อ งมืงดิวะ ควยโด่ซะขนาดนั้น จูบปากกูซะขนาดนี้"
มันเอามือแตะริมฝีปากตัว เองครับ
แล้วก็จับคางผมดึงหน้าผมไปใกล้ๆมัน
"มืงไม่รู้หรอกว่ากุอยาก เย้ดมืงจริงๆ กุพูดจิง ไม่ได้ล้อเล่น อย่ามาทำให้ความหวังกุ เด่วตรุดมืงจะพัง เฉยๆไว้จะดีกว่า กุจะนอนแล้ว"
โห มาดโหด ผมล่ะ รักชิบหาย
"เฮ้ย ไอ่ติน มืงอยากเย้ดก็เย้ดได้ว่ะ กุก็อยากโดนมืง กุพูดจริง" ผมสารภาพไป
ตินมันนอนตะแคงเอาหน้ามาชนกับผม
"จริงป่ะ" มันถามผมด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจากเดิมแล้ว
"เออ"
"แน่ใจนะมืง นี่กุขอบอกมืงเลยนะว่า กุไม่ได้ล้อเล่นอะไรเลย แต่กุพยายามบอกมืงตั้งนานแล้วว่า กุไม่ชอบผู้หญิงแล้ว" ตินบอกผม
"โห มืงดูถูกกุนี่หว่า ไอ่สัด ทำไมไม่บอกกันแต่แรก"
"กุเหนมืงก็แมนดี กุก็เลยไม่กล้าทำอะไรว่ะ" ตินบอกผม
"เออๆ มืงหล่อชิบหายเลย กุเงียนแล้วนะ"

ทั้งหมดนี้กระซิบกันนะครับ ถ้าเต๊นท์ข้างๆได้ยิน ก็คงชิหายเลยยย

แล้ว เกมรักก็เริ่มต้นครับ ผมแก้ผ้าตัวเองจนหมด ตินเหลือแต่กางเกงใน แล้วเราก็กอดฟัดกัน ผมเอามือลูบเป้ามัน ใหญ่มากๆ แข็งตุงแน่นจริงๆ
เราลำบากกันหน่อยเพราะว่าที่แคบ
ก็พยายามพลิกตัวกัน มาเป็นท่า 69 ผมก็เผยอกางเกงในมันออก เผยให้เห็นครวยอันมหึมา หัวถอก สีแดงน่ากิน
ผมไม่รอช้าเอาปากคาบทันที แล้วอมเข้าไปทั้งดุ้น ตินก็ทำอย่างเดียวกันให้ผม ผมพยายามไม่ครางออกมา (จะครางได้ไง มีครวยอยู่เต็มปาก)
ครวยตินออกรสเฝื่อนๆ น้ำเงียนมันแทบจะทะลักอยู่แล้ว มันเล่นของมันไปพรางๆ
ติ นมันจับขาผมแยกออก แล้วบรรจงตวัดลิ้นตะลุยรูที่ผมรักษาไว้ และเคยสาบานว่า ชาตินี้ จะมีหน้าที่เย็ดอย่างเดียว ไม่เสียเอกราชให้ใคร ก็จบสิ้นลงให้ตินนั่นเอง
ติดมันแหย่ลิ้นลงไปลึกมากๆ จนผมสยิว ขนลุกตั้งไปทั้งตัว ครวยผมที่กดทับลงบนหน้าอกตินมันร้อนตุบๆ แทบระเบิด ครวยตินเองก็ใช่ย่อย พ่นน้ำลายออกมาเป็นระยะๆ ผมต้องใช้ปากทำความสะเอาดให้อยู่ตลอดเวลา
พอเสียวกันได้ที่ ผมก็พลิกตัวกลับมาทางเดิม นอนทับบนตัวติน จับเอวมัน แล้วดูดปากกันแบบมันหยด ตินเอามือแทรกเข้ามาระหว่างตัวเราทั้งคู่มาบีบครวยผมเล่นอย่างสนุก
ติน จับผมกดลง แล้วครวยของเราสองก็ชนกัน ครวยตินอุ่นๆดี ตินเปลี่ยนเอามือมาบีบก้นผมเล่น ผมตอบแทนมันโดยรัวลิ้นใส่ปากมัน และเลียไล่ไปทุกส่วนของหน้า และอกแข็งปั๋ง
ก่อนเกมจริงจะเริ่ม ตินก็ครางออดๆ กระซิบว่า พอก่อน จะแตก ๆ ผมเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน
เราเลย หยุดพัก นอนทับกัน กอดกันกลม หายใจรดหน้ากัน เหงื่อท่วม พื้นผ้าใบเปียกโชก
ผม นอนจูบปากกับมันไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปปล่าวๆ
กลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว กลิ่นคาวน้ำเงี่ยนคละคลุ้งกันอยู่ในเต็นท์ ถ้าใครเปิดเต๊นทร์มาเจอสภาพงี้ มีหวังพวกเราชิบหายแน่นอน
ตินเอามือจับตูดผมเป็นสัญญาณเตือน
แล้ว ผมก็ยกตัวขึ้น ตินจับเอวผม เล็ง เป้า แล้วเอาครวยผลักดัน ยัดเยียดเข้ามาในรูตรูดผม ที่ตอนแรก เราช่วยกันอย่างสุดกำลัง เพราะผมไม่เคย รูจึงฟิตมาก แต่น้ำที่หล่อลื่นก็คือ น้ำเงียนของตินและน้ำเหงื่อของเราทั้งคู่ จนสำเร็จ ครวยมหึมาของตินมาแผ่ความร้อนอยู่ในรูตรูดผมทั้งดุ้น ผมอ้าปากครางแบบไร้เสียง ทั้งเจ็บแสบเสียวซึ้ง ปะปนกันหมด ตินเลียหัวนมให้ผม ผมลูบหัวตินแล้วคร่อมด้วยท่านั่งเทียน โชคดีหน่อยที่เตนท์พอสูงอยู่บ้าง ผมจึง ขย่มน้ำหนักลงบนกล้ามท้องแข็งๆของตินได้อย่างต่อเนื่อง
ตินเอามือกอดเอว ผม แล้วเด้าจังหวะช่วยผมซอย
ผมเริ่มจากเจ็บไปสู่เสียว เสียวมาก จนถึงเสียงชิบหาย จนเผลอร้องออกมาเบาๆ ตินต้องทำมือจุ๊ปากบอกให้ลดเสียงลง
ครวย ตินคับอยู่ในรูอันบอบบางของผม ร้อนจนแทบระเบิด มือตินเองก็มากำๆทั้งไข่ทั้งครวยผมทั้งพวงเล่น
จนเราเปลี่ยนท่า ตินเปลี่ยนมารุกอย่างเต็มกำลัง จับผมนอนหงายแล้วแหกขา เราเปลี่ยนท่ากันทั้งๆที่ครวยตินยังคาอยู่ในตรูดผม
ท่า ใหม่ทำให้ตินสะดวกขึ้น แต่มันกลับเป็นภัยต่อรูตรูดผมจริงๆ มันซอยผมแบบไม่ยั้ง รูตรูดผมแทบไม่มีโอกาสให้อากาศแทรกตัวไปเลย มันซอยผั่บๆเป็นจังหวะ เกินสองครั้งต่อวินาที มันเก่ง รัวเร็ว จริงๆ มือของตินยันพื้นเหมือนท่าวิดพื้น เหงื่อของตินผู้อยู่สูงกว่า หยดใส่หน้าใส่ตัวผมติ๊งๆ ที่หยดใส่ปากผมก็กลืนลงไปอย่างไม่รังเกียจ
มือ ผมโอบรอบคอติน แยกช่วยโยกเข้ากับจังหวะที่เร็วยิ่งกว่ารัวกลอง ตินเริ่มหายใจหอบ แล้วก็เริ่มปล่อยเสียงครางเล็ดลอดออกมาแล้ว
ไม่ต้อง คราง ถ้าคนที่มาเอาหูแนบกับผ้าใบเตนท์ก็น่าจะได้ยิน เสียงจังหวะ ผั่บๆ ของพวกเรา
ติ นนอนทับตัวผม ตูดก็ยังเด้าเข้าตัวผม เอวที่ลอยขึ้นผั่บๆข้างหน้าผม มันดูได้อารมณ์ไปอีกแบบ ตินเลียไซร้คอผม มือก็ซอยว่าวครวยผม จนของผมแข็งปั๋ง และใกล้เต็มที ผมทนไม่ไหว ทั้งตรูดทั้งครวย โดนพร้อมๆกัน ใครทนไหว ก็เหนือมนุษย์แล้ว ตินเก่งมากๆ ขณะที่เด้าเอว ซอยครวยตัวเองเข้าตรูดผม อีกมือก็ถอกเหนี่ยวครวยผมด้วยความถี่ที่แทบจะพร้อมกัน ถ้าเป็นวิชาฟิสิกส์ก็คงต้องบอกว่า เกือบๆจะเกิดเรโซแนนซ์กันแล้ว ผมเกร็งทั้งตัว กระซิบด้วยเสียงสั่นเครือ "ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ววววว" และก็พุ่งทะยานทุกสิ่งทุกอย่างออกมา พร้อมๆกับความร้อนในกายที่แผ่ออกมาจนหมด น้ำผมพุ่งทะลักไกลมาถึงอกกล้ามของติน น้ำขุ่นๆในคละกับน้ำเหงื่อ ทำให้ มันเหลวลื่น ทนต่อแรงดึงดูดไม่ไหว และหยดหนืดลงมาบนตัวเจ้าของ ก็คือผม ตินไม่สนใจภาพเหล่านี้ ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ตินกลับมาถึงภาวะวิดพื้นเหมือนเดิม ซอยถี่ยิบเนื่องจากทั้งแรงดันจากมือและเอว รวมถึงตรูดผมที่ส่งตัวเองขึ้นไปกระเด้าคู่กับครวยของติน
ผมกับตินควบกัน จนผมเริ่มรู่สึกว่าอะไรอุ่นๆมันทะลักเข้ามาในรูทวารของผม มันเกิดขึ้นพร้อมๆกับที่ตินเกร็งทั้งตัว แล้วครางออกมาครั้งที่ดังที่สุด แล้วก็ปล่อยน้ำรัก พุ่งทะยานด้วยแรงฉีดมหาศาล ที่ทำให้อสุจิที่เข้าใจผิด อาจจะแหวกว่ายขึ้นมาบนลำไส้ผมจนถึงหัวใจเลยทีเดียว (ขนาดนั้น)
ตินถอน ครวยออกมา แล้วล้มฟุบลงบนตัวผมอย่างหมดแรง
เรา นอนกอดกัน เหงื่อท่วมคนทั้งคู่ ตัวตินกับผมประกบติดกันโดยมีน้ำกามของผมเป็นตัวประสาน และครวยของติดที่คารูตรูดผมอยู่ทั้งอย่างนั้น เรานอนจูบกัน และคงอยู่ท่าอย่างนั้นทั้งคืน
จนใกล้รุ่ง ตินเขย่าตัวผมด้วยกัน กระเด้าอีก ทั้งๆที่น้ำเก่ายังคงคาอยู่ในก้น แต่ติดก็ยังซอยต่อไม่ยั่งเช่นเดิม ตินขย่มผม จนผมต้องตื่นและเข้ามาโผโอบคอมันและดึงตัวขึ้นไปนั่งจูบมัน ตินอยู่ข้างล่างผมอยู่ข้างบน ผมเอาเท้าเหยียดไปข้างหลังติน ตินนั่งคุกเข่าครวยทิ่มก้นผม ปากเราจูบกัน คราวนี้เกมรักดำเนินไปแบบเนิบๆ คงหมดแรงทั้งคู่ ตินบี้ครวยเข้าตรูดผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรง mg ตัวผมที่หมดแรงที่จะกระเด้าแล้ว ก็ตกลงเข้าเสียบตรงครวยของตินพอดี ตินจึงทำหน้าที่เด้าเองคนเดียวอย่างไม่บ่น และพ่นน้ำรักเข้าเต็มตรูดผมอีกครั้ง ก่อนที่จะถอนครวยออกมาสำรวจตัวเอง แล้วยิ้มแป้น ใบหน้าหล่อเหลาของมันทำให้ผม จับมันจูบปากมันอย่างอดใจไม่ไหว แล้วจับมือมันมาวางบนครวยผม มันก็กุมๆให้
ตินลดเลื่อนตัวมาเอาหน้าชนเจอะ กับครวยทั้งแท่งของผม แล้วเอาปากครอบไปกลืนกินมันไปทั้งอัน แล้วดูดอย่างกับดูดไอติมแท่งนึง เสียงจ๊วบๆ ดังต่อเนื่อง น้ำลาย กับความอบอุ่นจากปากติน และกระบวนการซอยปากเข้าชนกับครวยผม ทำให้ผมพ่ายแพ้ และพ่นพิษลงคอเพื่อนตินอย่างหมดแม็ก
ตินผละตัวไปนอนหอบข้างๆผม ผ้าใบมันชุ่มไปด้วยเหงื่อไปหมดแล้ว ตัวผมก็แห้งกรัง ตรูดผมก็อยากทำความสะอาดเต็มที แต่นี่มันเช้าแล้ว ผมคงไม่มีโอกาสทำความสะอาด
ตินยิ้มให้ผมแล้วพูดว่า
"วันนี้คงไม่ต้อง ไปอาบน้ำนะ ถ้าเพื่อนๆเห็นคราบที่ท้อง จะบอกเพื่อนว่ายังไง"
"เออ น้ำเงียนมึงเต็มก้นกุเลยว่ะ ทำไงดี"
"มานี่มา..."
แล้ว ตินก็จับผมมานั่งคร่อมให้มันเลียตรูดจนสะใจลิ้นมัน ก่อนที่เราจะได้ยินเสียงนกหวีดปลุก แล้วรีบใส่กางเกงในกับเสื้อผ้ากันอย่างจ้าละหวั่น ผมเอาเสื้อรดตัวที่ไม่ใส่แล้วเช็ดทำความสะอาดเตนท์อย่างเร่งรีบ เราวิ่งทั้งชุดเต็มยศ ไปล้างหน้าแปรงฟัน คนรอบข้างมองเราด้วยสีหน้าแปลกๆ
"ต้น ทำไรมาวะ โทรมว่ะ เหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน"
ก็ไม่ได้นอนทั้งคืนจริงๆนั่น แหละ
ผมยิ้มให้ติน

เราเก็บของกันแบบไม่มีแรง เหนื่อยกว่าฝึกทั้งสองวันซะอีก
วันที่สามไม่มีไรมาก ก็แบกของขึ้นรถกลับบ้าน
ขากลับผมก็แลกเบอร์กับติน
กลับ กทม ก็โทรคุยกับมันทุกวัน
จนได้ข่าวอีกทีว่า ตินมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิงมาจีบมันด้วย
ผมจึงเพลาๆเรื่องตินลงไป ได้แต่เก็บภาพวันนั้นไว้ฝันต่อ
ตินโทรมาชวนไปบ้านมันหลายครั้งหลายหน ทั้งๆที่มันมีแฟนแล้ว แต่ผมก็ปฏิเสดมันไป
สุดท้ายมันบอกเลิกผู้หญิงคน นั้น แล้วตามจีบคนอื่นแทน
นั่นก็คือผม