วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

นินจามหาเวทย์ ตอนที่2

แสงอรุณเบิกฟ้าในวันใหม่ ส่องรอดเข้ามายังหน้าต่างห้องนอน แสงตะวันต้องตัวเด็กชายจนทำให้เขาค่อยเบิกตาดูเช้าวันใหม่อีกครั้ง แต่ดูเหมือนความเศร้านั้นไม่ได้ไปจากเขาไปไหนเลย โทโมอากิมองไปรอบๆห้อง เขานอนที่เขานอนอยู่ เขาได้แต่คิดว่าเขาอยู่ไหนกันนี่แต่ที่เขารู้ก็คือ เขาไม่ได้นอนที่ห้องนอนตัวเองแน่ๆ

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะมาคนเปิดเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน ชุน นั่นเอง งั้นก็แสดงว่าเราอยู่ที่บ้านท่านยายฟูโกะโทโมอากิพลางนอนคิด พร้อมกับปิดเปลือกตาลงเช่นเดิม สักครู่ชุนก็เดินมาปลุกโทโมอากิยังเตียง

"ท่านโทโมอากิครับ ได้เวลาตื่นแล้วครับ" เขาปลุกโทโมอากิด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม และเขย่าตัวเบาๆให้โทโมอากิรู้สึกตัว

โทโมอากิก็ค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง
"เราตื่นนานแล้ว" โทโมอากิผลิปากบอก ก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆปนความเศร้าให้ชุน

"ท่านโทโมอากิ อย่าได้เศร้าไปเลยนะครับ ทางตระกูลหลักในตอนนี้ก็เหลือคนน้อยลงไปอีก เกิดท่านมาป่วยไม่สบายไปอีกจะทำให้ ตระกูลสาขาอย่างพวกผม ทุกข์ร้อนใจไปด้วยนะครับ" ชุนพูดด้วยความเป็นห่วงโทโมอากิ

"เข้าใจแล้วขอโทษที่ทำให้นายเป็นห่วง" โทโมอากิฝืนยิ้มออกไปอีกครั้งให้ชุนสบายใจ

"ท่านยายฟูโกะ สั่งให้ผมมาดูแลท่านอย่างใกล้ชิดครับ มีอะไรเรียกใช้ผมได้ตลอดเวลานะครับ" ชุนก้มหัวแสดงความเคารพให้โทโมอากิ

"นายไม่ต้องอยู่กับเราหรอก เราไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เราแค่ขออยู่คนเดียวอย่างเงียบๆสักพัก" โทโมอากิพูดบอกชุนพร้อมกลับกล่าวเสริมมาว่า "เมื่อเราพร้อมแล้วเราจะลงไปเองฝากบอกท่านยายให้ด้วย"

"ได้ครับ" ชุนตบปากรับคำก่อนที่จะก้มหน้า พร้อมเดินออกไปจากห้อง แล้วค่อยๆปิดประตูห้องตามคำสั่งโทโมอากิ ด้วยความเป็นห่วงนิดๆ

โทโมอากิก็ได้แต่เศร้าที่เสียตาไป แต่เขาก็กลับมาคิดในสิ่งที่ตาเขาพร่ำสอนเกี่ยวกับเรื่อง การรักในหมุ่บ้านและการทำเพื่อหมู่บ้าน และคำสั่งเสียอีกอย่างก็คือ การมุ่งไปสู่เส้นทางเงาแห่งพายุ รุ่นต่อไป เมื่อหวนคิดถึงวันคืนที่ดีกับท่านตาแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะ หลั่งน้ำตาอีกครั้ง และนั่งงอตัวก้มหน้าลงไปหาเข่าที่ชันขึ้นรับใบหน้า เขาแอบร้องอย่างเงียบๆ ณ มุมห้อง จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนวัน

สภาพทั้งหมู่บ้านวายุตอนนี้เป็นไปด้วยความเศร้าที่สุดแสนจะบรรยาย ทั้งสถานที่สำคัญๆต่างๆก็ปิดทำการ ตลอกจนการปฎิบัติภารกิจต่างๆของนินจาภายในหมู่บ้านก็งดเช่นกัน แต่สิ่งนึงที่จะเลี่ยงไม่ได้คือการประชุมของนินจาในหมู่บ้านเพื่อเลือก เงาแห่งพายุรุ่นที่5 ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของแคว้นและขวัญกำลังใจของนินจาในหมู่บ้าน



ณ ประสาท เทพวายุ

ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ผู้นำแคว้นภูผาอาศัยอยู่ ได้เปิดให้มีการประชุมหมู่บ้านเพื่อที่จะเลือก เงาแห่งพายุคนใหม่ มาปฎิบัติหน้าที่แทนรุ่นที่4 ที่เสียชีวิตไปในสงครามที่แคว้นท้องฟ้า ในการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วย ผู้เฒ่าอาวุโสทั้ง4คนที่เป็นที่ปรึกษาหมู่บ้าน เจ้าอาวาสและพระอาวุโส2คนจากวัดวายุเทพ นินจาระดับสูงอีก5คนและเจ้าหน้าที่บริหารแคว้น2คน รวมเป็น14คนที่จะเป็นผู้เลือก เงาแห่งวายุคนต่อไปและดำเนินการให้ ผู้นำแคว้นภูผา ประทับตารับรองว่าได้รับการรับเลือกอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง

ผู้ที่เหมาะสมจะเป็นรุ่นที่5 ดูเหมือนจะมีอยู่4คน จากที่ฟังทั้งที่ประชุมเกริ่นๆมา อันได้แก่
อามะโทบิระ ฮิเดะอากิ(ผู้เป็นอาของโทโมอากิ และเป็นหลานชายและลูกศิษย์ท่านรุ่นที่4จากตระกูลหลัก ผู้มีความสามารถในการใช้มิติเวลา ฉายาวายุมิติ)
คนที่สองคือ ฮิกาชิยามะ รัน(ผู้เป็นคุโนะอิจิฝีมือเยี่ยมในการแพทย์ และเป็นลูกศิษย์ท่านรุ่นที่4ด้วยเช่น ฉายาเจ้าหญิงสีโลหิตหรือเจ้าหญิงเลือด)
คนที่สามคือ โทริวะ ทซึบาซะ(นินจาฝีมืเยื่ยมอีกคนในการประสานอินโจมตี ถึงแม้จะไม่ได้เป็นศิษย์รุ่นที่4 แต่ก็ทำงานให้กับหน่วยลับมาเป็นเวลานาน)
คนสุดท้ายคือ โนวากิ ซาคุ(นินจาหนุ่มไฟแรง ที่ผ่านภาระกิจระดับเอส มาแล้วรับครั้งไม่ถ้วนด้วยฉายา จ้าววายุลูกศิษย์ของ ฮิเดะอากิอีกที)

การลงคะแนนเสียงเลือกเงาแห่งวายุนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวเลือกต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ต่างกันไปเช่น ฮิเดอากิเองก็อยุูไม่เป็นที่ชอบพเนจรไปทั่ว ส่วนรันนี่ถึงจะเป็นนินแพทย์แต่ก็เลือดร้อนมักขาดความรอบครอบถึงกับมีฉายาว่า"เจ้าหญิงเลือด" ส่วนซาคุเองก็มีอายุน้อยเกินกว่าที่จะมาเป็นผู้นำหมู่บ้านในตอนนี้ แต่ที่หนักที่สุดก็คือทซึบาซะ เพราะมาจากหน่วยลับนั่นเอง ความเครียดเกิดขึ้นที่บอร์ดบริหารทันที แต่ก็สรุปกันไม่ได้ว่าจะเอาใคร จนมาถึงตอนท้ายการประชุม ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ใครเป็นเงาแห่งพายุรุ่นที่5หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าฮิเดอากินั้นจะดูมีภาษีมากกว่าผู้อื่น แต่อันเนื่องจากเขาอยู่ไม่เป็นที่ จึงต้องใช้นินจาจากหน่วยลับช่วยค้นหาตัวเขาอีกที เพราะไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับการเป็นเงาแห่งพายุรุ่นที่5หรือไม่ ตัวฮิเดอากิเองก็รักอิสระใช่น้อย กว่าตัวเขาจะออกจากตระกูลหลักไปท่องเที่ยวได้ก็ยากเย็นมากอยู่พออยู่แล้ว(เนื่องจากกันความลับของโซ่ซวรรค์ไม่ให้คนนอกรู้ ตระกูลหลักจึงไม่สามารถที่จะออกไปเที่ยวตามใจชอบได้) แต่ตอนนี้เขานั้นทำได้แล้วเขาจะกลับมาสู่แคว้นวายุจริงๆหรือ นั่นเป็นคำถามที่ทุกคนในที่ประชุมนี้คิดกัน ในที่สุดการประชุมก็สิ้นสุดลงด้วยมติที่ว่า ถ้าฮิเดอากิไม่รับข้อเสนอการเป็นเงาแห่งพายุรุ่นที่5 รันหรือซาคุจะได้รับการพิจารณาแทนโดยปริยาย ส่วนเรื่องการค้นหาตัวฮิเดอากินั้นให้แบ่งกำลังในหมู่บ้านออกค้นหา พร้อมด้วยนินจาลับส่วนนึง โดยเป้าหมายของภาระกิจครั้งนี้คือการนำตัวท่านฮิเดอากิ กลับมาสู่หมู่บ้านให้ได้ ภารกิจในครั้งนี้จะต้องปฎิบัติทันทีหลังจากที่พิธีไว้อาลัย ท่านรุ่นที่4เสร็จสิ้นโดยขณะที่รอเงาแห่งพายุรุ่นที่5มารับตัวแหน่งนั้น ผู้เฒ่าทั้ง4ผู้เป็นที่ปรึกษาหมู่บ้านจะเป็นผู้ดูแลหมู่บ้านรอ


ณ คฤหาสถ์ตระกูลฮิกาชิยามะ

"ชุน" เสียงท่านฟูโกะเรียกหาหลานชาย

"ครับท่านยาย มีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือป่าวครับ?" เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงมีน้ำใจ

"โทโมอากิล่ะ? ไปไหนเสีย" หญิงชราถามเด็กชายถึงหลานชายอีกคนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"ท่านโทโมอากิ ยังไม่ลงมาจากห้องนั้นเลยครับตั้งแต่เช้า ผมเอาข้าวขึ้นไปให้ก็ไม่ได้แตะเลยแม้แต่น้อย ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย เพราะท่านเอาแต่ร้องให้อยู่ที่เดิมตลอดเวลาครับ" ชุนรายงานต่อยายด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงไม่แพ้กัน

"เอาล่ะเจ้าไปพักได้ เดี๋ยวยายจักการต่อเอง" หญิงชราสั่งหลานอีกคน ก่อนจะเดินไปยังห้องเก็บของเพื่อหาอะไรซักอย่าง ในที่สุดนางก็เจอมันคือตำราเก่าๆเล่มนึง จากนั้นนางก็ถือตำราเล่มนั้นขึ้นไปยังห้องที่โทโมอากิพักอยู่ นางเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับเห็นหลานตัวเองขดตัวงออยู่มุมห้องร้องให้อยู่ นางจึงค่อยๆเดินไปข้างๆเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะค่อยๆลูบศีรษะและปลอบโยนเด็กหนุ่ม แล้วนางก็เริ่มเล่าถึงเรื่องต่างๆให้โทโมอากิฟังซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านตาผู้ซึ่งเสียชีวิตไปว่าท่านตาเป็นนินจาที่เก่งและมีคุณธรรมเพียงใด ถึงเขาจะเข้าใจแต่มันก็ยากที่รับได้และยากยอมทำใจรับมัน

ท่านยายยังเล่าอีกว่า "ตระกูลอามะโทบิระของเรา เป็นตระกูลนินจาที่ยิ่งใหญ่ในแคว้นแห่งภูผานี้ ในตระกูลมีผู้ขึ้นเป็นเงาแห่งพายุถึง2รุ่น คือรุ่นที่1และรุ่นที่4 นั่นหมายความว่าตระกูลเราจะต้องรับผิดชอบแคว้นภูผาและหมู่บ้านนินจาวายุแห่งนี้ แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเราก็ตาม" ท่านฟูโกะเล่าพร้อมทั้งหลังน้ำตาพลางเอามือไปลูบหัวหลานชายไป

"ผมรู้ครับว่าตระกูลเราต้องทำเพื่อแคว้น แต่ท่านตาไม่ได้ตายเพื่อแคว้นเราเลยนี่ครับ" เด็กหนุ่มร้องให้เสียงสะอื้นพร้อมกับถามยายตัวเองกลับด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจ

"โทโมอากิ เจ้าน่ะเข้าใจผิดแล้ว สงครามครั้งนี้ ท่านตาของเจ้าเอาศักดิ์ศรีของแคว้นภูเผาเราเดิมพันเชียวนะ ไม่ใช่แค่ตาเจ้าแต่เงาของอีก3หมู่บ้านด้วยเช่นกัน พวกเขาทุกคนล้วนคิดถึงศักดิ์ศรีหมู่บ้านตน พวกเขาจึงไม่ยอมเสียแคว้นท้องฟ้าให้อีกฝ่ายถึงว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม" ท่านฟูโกะอธิบายให้โทโมอากิฟังโดยละเอียด เขาเองเมื่อได้ฟังเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่ก็อดกลั้นน้ำตาไม่ได้

"ผมสัญญานะครับ ว่าผมจะต้องยิ่งใหญ่ไม่แพ้ท่านตา" เด็กหนุ่มให้คำสัญญาต่อยายทั้งน้ำตาแห่งความเศร้าโศรกที่ไหลออกมาอย่างหยุดไม่ได้

"นี่เคยเป็นของแม่เจ้า ข้าว่าจะมอบให้เจ้าเมื่อ เจ้าได้เป็นโจนิน แต่ข้าว่ามันอาจช้าไป นี่อาจช่วยให้เจ้าดีขึ้น" ท่านฟูโกะพูดจบก็ยื่นตำราเก่าๆที่ค้นมาเมื่อสักครู่ให้เด็กหนุ่ม เขายื่นมือออกไปรับขณะที่น้ำตายังคลอเบ้าอยู่

"มันคือตำราอะไรหรือคับท่านยาย" เขาปาดน้ำตาพร้อมทั้งถามหญิงชรากลับไป

"ตำราประสานอินเทพวายุ ของแม่เจ้าไง" ท่านฟูโกะตอบไปอย่างไม่คิดจะปิดบัง

"ตำ...รา...ของท่านแม่งั้นหรือ?" เขาพรึมพรำอยู่คนเดียว พร้อมคิดในใจว่า ถึงท่านตาจะไม่อยุ่แต่ท่านแม่ก็มาอยู่เคียงข้างเขาแทน มันน่าพอทดแทนกันได้

"จงรักษามันไว้เท่าชีวิตนะ เพราะมันจะทำให้ความสามารถด้านวิชานินจาเจ้าพัฒนาไปหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน เมื่อถึงตอนนนั้นเราค่อยไปจัดการกับเจ้าพวกแคว้นหุบเหวก็ยังไม่สาย" หญิงชราพูดด้วยความเจ็บใจ ก่อนทีจะค่อยๆเดินจากโทโมอิกิไปอย่างช้าๆ จนถึงหน้าประตูก่อนนางออกจากห้องนางก็หันมาทางเด็กชายพร้อมบอกว่า
"จงเป็นสายลม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าก็คือสายลม เพราะไม่ว่ายังไงสายลมจะยังพัดตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เมื่อไหร่ หรือแม้แต่ที่ไหน" ก่อนที่จะยิ้มแล้วค่อยๆก้าวเดินออกไปจากห้องของเด็กหนุ่ม

"ใช่ ท่านยายพูดถูกเราเป็นสายลมจะมาอาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ แต่เราสามารถสร้างอนาคตนี้ได้ด้วยมือของเรา"
ก่อนที่เขาจะเลิกร้อง แล้วลงไปหาอะไรกินที่ห้องครัวเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนคนอื่นๆที่เห็นเขาในขณะนี้นั้นตกใจไปตามๆกัน กับความแข็งแกร่งด้านจิตใจของเด็กหนุ่มคนนี้

"เป็นเหมือนเดิมแล้วสินะครับท่านโทโมอากิ" ชุนรีบเข้ามาดูอาการพร้อมถามด้วยความเป็นห่วง

"เราไม่เป็นอะไรแล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วงนะ และขอบใจนายมากที่คอยเป็นห่วงเรา" โทโมอากิพูดพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับชุน จนชุนหน้าแดงไปเลยทีเดียว

ในหมู่บ้านลับนินจาวายุตอนนี้ ถึงจะเต็มไปด้วยความโศรกเศร้า แต่ความแข็งแกร็งของนินจาให้บ้านก็ไม่ได้ลดน้อยลง ถึงจะเสียกองกำลังนินจาไปมากในสงครามที่แคว้นท้องฟ้าที่พึ่งจะผ่านมา แต่กองกำลังรักษาหมู่บ้านก็ยังคงมีอีกมากและนินจาที่ทำภาระกิจอื่นๆ(ที่ไม่ได้ไปรบก็เยอะพอสมควร) ทำให้สภาพในหมู่บ้านวายุไม่ย่ำแย่นักเมื่อเทียบกับหมู่บ้านนินจาแสงแห่งแคว้นท้องฟ้า ซึ่งเสียทั้งนินจาระดับสูงและระดับกลางไปเยอะนอกจากนั้นหมู่บ้านยังโดนทำลายอีกด้วย ทำให้ขวัญเสียมากกว่าแคว้นอื่นๆ ภายในหมู่วายุตอนนี้จะวุ่นวายเรื่องการเตรียมกำลังชุดใหม่และก็งานศพท่านรุ่นที่4ที่จะมาถึงในเร็ววันนี้ด้วย

6วันต่อมา
ณ ที่ทำการหมู่บ้าน หอสายลม(ที่ทำงานเงาแห่งพายุ)

เหล่าบรรดานินจาทั้งหมู่บ้านได้มารวมตัวกันที่ลานหน้าหอสายลม หน้าสัญลักษณ์แห่งสายลมที่ตระง่านอยู่เบื้องหน้า แน่นอนว่าด้านบนหอสายลมที่ดาดฟ้า จะเป็นพิธีวางดอกไม้ส่งท่านรุ่นที่4ก่อนจะนำไปยังวัดเทพสายลมเพื่อปฎิบัติตามพิธีศพในทางศาสนา นินจาทั้งหมู่บ้านต้องไว้อาลัย3นาที(การภาวนาเงียบ) เพื่อลำลึกถึงคุณงามความดีของผู้ที่เสียชีวิตไป ไม่ใช่แค่รุ่นที่4 ตลอดจนนินจาที่เสียชีวิตในภารกิจที่แคว้นท้องฟ้าด้วยทุกคน

เม็ดฝนจากท้องฟ้าก็ตกลงมาพรำๆ ประดุจฟ้าเองก็เศร้าแล้วร้องให้ออกมาเป็นเม็ดฝน ยิ่งทำเอาบรรยาในหมู่บ้านสลดเศร้ามากกว่าเดิม เมื่อ4ผู้เฒ่าวางดอกไม้ส่งท่านรุ่นที่4เสร็จก็ถึงคิวของโทโมอากิ ซึ่งเป็นหลานชายสายตรงที่ท่านรุ่น4รักมากที่สุดมาวางดอกไม้เพื่อส่งท่านรุ่น4 เขาว่าจะไม่ร้องให้ต่อหน้าคนอื่นแล้วแต่ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยน้ำตาออกมาท่ามกลางสายฝน เมื่อเขาวางดอกไม้เสร็จก็เดินออกไปอย่างสงบเงียบพร้อมทั้งน้ำตาจนคนอื่นที่เห็นภาพ โทโมอากิพยายามกั้นน้ำตานั้น ต้องร้องให้ตามเขาเลยทีเดียว เมื่องานวางดอกไม้ส่งท่านรุ่นที่4เสร็จ ฝนก็ยยังตกลงมาต่อ ราวกับว่าฟ้าเองก็ร่วมเสียใจด้วย

ศพท่านรุ่น4 ถูกแห่ไปยังวัดเทพสายลมในเวลาต่อมา สองข้างทางที่แห่ศพไปนั้นเต็มไปด้วยประชาชนของหมู่บ้านวายุ บ้างก็มาจากหมู่บ้านอื่นๆในแคว้นภูผาเพื่อร่วมไว้อาลัย โยนดอกไม้ส่งท่านรุ่น4ตลอดทางถึงแม้ว่าฝนจะตกลงมาทั้งวันก็ตาม

ในที่สุดวันแห่งความทุกข์ของหมู่บ้านแห่งนี้ก็ลดจางลงไปบ้าง

ก่อนที่ภาระกิจการตามหาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรุ่นที่5จะเริ่ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น